สปสช. เล็งเพิ่ม “วัคซีนเอชพีวี” ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ในปีงบ 60 ลงสิทธิบัตรทอง ฉีดให้ นร.หญิง ม.ต้น คาดใช้งบ 300 - 500 ล้านบาทต่อปี
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2560 หลังจากที่มีการนำวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเข้าสู่ระบบวัคซีนพื้นฐานของชาติ สปสช. เตรียมที่จะบรรจุวัคซีนเอชพีวีให้อยู่ในสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง โดยคาดว่าจะฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุอยู่ในวัยเรียนไม่เกินมัธยมศึกษาตอนต้น ทั้งนี้ ราคาวัคซีนนี้อยู่ที่ 200 บาทต่อโดส จึงคาดว่าจะใช้งบประมาณในส่วนนี้ประมาณ 300 - 500 ล้านบาทต่อปี อยู่ในวิสัยงบประมาณที่จะจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้กับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง
“ขณะนี้อยู่ระหว่างฝ่ายวิชาการพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งการที่จะบรรจุวัคซีนเข้าสู่ระบบวัคซีนชาติ และเป็นสิทธิประโยชน์ของประชาชนนั้น ต้องพิจารณาทั้งในเรื่องของประสิทธิผลของวัคซีนจากข้อมูลเชิงวิชาการ ความพร้อมของสถานบริการที่จะให้บริการวัคซีนและความพร้อมทางการเงิน หากทั้ง 3 ส่วนมีความเหมาะสมก็ควรที่จะจัดหาวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งหากมีการให้วัคซีนป้องกันควบคู่กับการตรวจคัดกรองด้วยวิธีการเปปสเมียร์กับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ก็จะทำให้การควบคุมมะเร็งปากมดลูกได้ผลมากขึ้น” นพ.ประทีป กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า วัคซีนเอชพีวีที่มีจำหน่ายในปัจจุบันมี 2 ชนิด จากการศึกษาพบว่า วัคซีน เอชพีวีทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชพีวี ชนิดก่อมะเร็ง สายพันธุ์ 16 และ 18 เท่านั้น จึงป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ประมาณ ร้อยละ 70 ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งสองชนิดนี้ จึงยังต้องตรวจ คัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอต่อไป และจากการศึกษาจนถึงปัจจุบันในหญิงช่วงอายุ 9 - 55 ปี พบว่า การฉีดวัคซีนเอชพีวี อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนเอชพีวีนี้ก็เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีนอื่น ๆ คือ มักจะมีอาการปวด บวม แดงร้อน มีไข้ สำหรับผลข้างเคียง ที่รุนแรงกว่านี้พบได้น้อย มาก
ข้อแนะนำ ให้ฉีดวัคซีนเอชพีวีในหญิงช่วงอายุ 11 - 26 ปี และต้องฉีดก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก สำหรับการฉีดวัคซีนเอชพีวีในหญิงอายุมากกว่า 26 ปี หรือหญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็มด้วยกัน คือ ฉีดเข็มแรก และ 1 - 2 เดือนจากเข็มแรก และ 6 เดือนจากเข็มแรก ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเอชพีวีในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ภายใน 6 เดือนและผู้ชาย ไม่แนะนำให้ต้องทำการตรวจหาว่ามีการติดเชื้อเอชพีวีก่อนฉีดวัคซีน สตรีที่มีการตั้งครรภ์ ขณะที่ได้รับวัคซีนยังไม่ครบ 3 เข็ม ควรฉีดวัคซีนเข็มต่อไปหลังคลอด (ไม่แนะนำให้ฉีดขณะกำลังตั้งครรภ์) ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเอชพีวี จะมีผลต่อการมีบุตร การตั้งครรภ์ หรือผลเสียต่อทารกแต่อย่างใด และจากการติดตามตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชพีวี (สายพันธุ์ที่อยู่ในวัคซีน) หลังฉีดวัคซีนเป็นเวลาประมาณ 6 ปี พบว่า ยังมีภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่สูงพอ จึงยังไม่มีข้อบ่งชี้ในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่