xs
xsm
sm
md
lg

สสส.ยันทำงานตรงวัตถุประสงค์ ชี้ คตร.ตีความต่างเอง เล็งปรับทัศนคติ ลุยเบิกจ่ายงบต่อตามปกติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สสส. ลั่นทำงานตรงวัตถุประสงค์ ชี้ คตร.- สตง.ตีความต่างเอง แจงหนุนงานวิจัยการเมืองเพราะส่งผลสุขภาพด้วย เผยมีผู้รับทุนใช้งบผิดเฉลี่ยปีละ 5 โครงการจาก 4,000 โครงการ จัดการตามกฎหมายเด็ดขาด เตรียมชงบอร์ด สสส. พิจารณาข้อเสนอ คตร. ยุติให้ทุนผิดวัตถุประสงค์ ปัดให้งบเลือกข้าง กลุ่มคนหน้าเดิม ยันเบิกจ่ายงบปี 59 เดินหน้าปกติ

จากกรณีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ทำหนังสือรายงานผลการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้กับนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า มีการใช้งบประมาณส่วนหนึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และให้ยุติการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุนนั้น

วันนี้ (12 ต.ค.) ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. แถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า สสส. ได้รับหนังสือจาก คตร. เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเอกสารลับ จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดได้ แต่ยืนยันว่า ประเด็นการใช้งบไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์นั้น ที่ผ่านมาของ สสส. ทำงานตามวัตถุประสงค์ทั้ง 6 ข้อ คือ 1. ส่งเสริมสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ 2. สร้างความตระหนักของประชาชนเพื่อลดความเสี่ยง ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ 3. สนับสนุนการรณรงค์เพื่อลดการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4. สนับสนุนการวิจัยที่ทำให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพ 5. พัฒนาความสามารถของชุมชน องค์กรเอกชน องค์การสาธารณประโยชน์ และหน่วยงานภาครัฐ และ 6. สนับสนุนการจัดกิจกรรมและสื่อเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ นอกจากนี้ ยังดำเนินการตามกฎบัตรออตตาวาชาร์เตอร์ เพื่อสนับสนุนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่เฉพาะปัจจัยเสี่ยงเท่านั้น

การใช้งบประมาณไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์อาจเกิดจากการตีความที่ไม่เหมือนกัน เนื่องจาก คตร. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบโดยมองในมุมของผู้ตรวจสอบบัญชี ทำให้ข้อมูลหลายอย่างอาจมีความคลาดเคลื่อนของตัวเลข หรือการตีความที่ผิดพลาด ทำให้มองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ สสส. ยืนยันว่า ไม่มี ถ้ามีการชี้แจงให้หน่วยงานที่ตรวจสอบก็เชื่อว่าจะเข้าใจร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มักปรากฏข่าวคลาดเคลื่อนต่าง ๆ เช่น โครงการสวดมนต์ข้ามปี และการส่งนักวิชาการไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศ เป็นต้น เป็นการทำงานไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ สสส. ขอชี้แจงว่า การสวดมนต์ข้ามปี เป็นกิจกรรมที่เปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนในการดื่มเพื่อเฉลิมฉลอง สามารถช่วยลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลลงได้ ส่วนการส่งนักวิชาการไปดูงานก็เป็นการศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวข้อง อาทิ การพัฒนารูปแบบของระบบภาษี เพื่อนำมาวางแผนและจัดทำนโยบายของประเทศไทยต่อไป ” ผู้จัดการ สสส. กล่าวและว่า การตีความเป็นเรื่องของวิจารณญาณแต่ละคน แต่ที่ผ่านมา สสส. มีผู้เชี่ยวชาญ 1,200 คน ที่จะมาช่วยพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละโครงการว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่

ทพ.กฤษดา กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมา สตง. เข้ามาตรวจสอบโดยสุ่มตรวจโครงการที่ สสส. สนับสนุน แบ่งเป็น 10 โครงการในภูมิภาค และ 1 โครงการจากส่วนกลาง พบว่า มี 2 โครงการที่ผู้รับทุนใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการ ซึ่ง สสส. ได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยเรียกเงินคืนและดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งแต่ละปี สสส. ให้ทุนประมาณ 4,000 โครงการ จะพบประมาณ 5 โครงการที่ผู้รับทุนไม่ทำตามวัตถุประสงค์ ซึ่งก็ดำเนินการตามขั้นตอนและกฎหมายอย่างเด็ดขาด

เมื่อถามว่า การที่ คตร. ระบุให้ สสส. ยุติการให้ทุนกับโครงการไม่เป็นตรงวัตถุประสงค์นั้น จะดำเนินการอย่างไร  ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ (บอร์ด) สสส. ก่อนในวันที่ 16 ต.ค. นี้ เพื่อพิจารณาและให้ความเห็นว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่มั่นใจว่าที่ผ่านมา สสส. มีกรอบการทำงานที่ชัดเจนอยู่แล้ว และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 ขณะนี้ยังคงมีการเบิกจ่ายตามปกติทุกวัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สสส. ยังไม่มีโอกาสได้ชี้แจงรายละเอียดการทำงานของกองทุนต่อ คตร. และ สตง. ให้เข้าใจ ซึ่งเชื่อว่าหากมีการทำความเข้าใจร่วมกัน ก็จะเข้าใจกรอบการทำงานของ สสส. มากขึ้นว่าได้ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสังเกตว่า สสส. ให้งบประมาณกับกลุ่มเอ็นจีโอที่มีความเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้รัฐบาลไม่พอใจ นอกจากนี้ ยังเป็นการมอบทุนแก่คนกันเองและคนหน้าเดิม ๆ ทพ.กฤษดา กล่าวว่า สสส. มีนโยบายชัดเจนว่าไม่ยุ่งกับการเมือง และไม่อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหยึ่ง การพิจารณาให้ทุนจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการนั้น ๆ ซึ่งไม่สามารถเลือกได้ว่าเอ็นจีโอคนนั้นมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างไร เพราะไม่ได้เลือกจากบุคคล แต่พิจารณาจากโครงการเป็นหลัก ส่วนการให้งบประมาณกับคนกลุ่มเดิม เพราะบางโครงการเป็นโครงการระยะยาวที่ต้องทำต่อเนื่องจึงจะเกิดผล

เมื่อถามว่า มีการมองว่า สสส. ตีความคำว่าสุขภาพ สุขภาวะกว้างเกินไป ทพ.กฤษดา กล่าวว่า กรอบการทำงาน สสส. ยึดตามวัตถุประสงค์ทั้ง 6 ข้อ และกฎบัตรออตตาวาชาร์เตอร์ ซึ่งเป็นการตีความตามหลักสากล ถ้าหาก สสส. ทำงานไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คงไม่ได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ และธุรกิจที่เสียผลประโยชน์คงไม่เดือดร้อนขนาดนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการสำรวจภูมิทัศน์การเมืองไทย ซึ่งได้รับทุนจาก สสส. แต่กลับวิจัยที่เน้นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ  ทพ.กฤษดา กล่าวว่า โครงการดังกล่าวในภาพรวมใหญ่เป็นเรื่องนโยบายสาธารณะมีทั้งหมด 12 ประเด็น ซึ่งเรื่องการเมืองดังกล่าวเป็นเพียง 1 ใน 14 เรื่องย่อยของ 12 เรื่องใหญ่ โดยเป็นงานวิจัยถึงผลกระทบการเมืองต่อสุขภาพ

นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนงบประมาณของ สสส. แบ่งเป็นงบเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงหลัก 35% ได้แก่ เหล้า บุหรี่ อุบัติเหตุ อาหาร และออกกำลังกาย ส่วนที่เหลือเป็นปัจจัยเสี่ยงรอง ซึ่งการทำงานในส่วนนี้ก็เพื่อให้ได้ผลกลับมาลดปัจจัยเสี่ยงหลัก โดยที่ผ่านมา สสส. มีการวัดประสิทธิผลของการทำงานโดยให้คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ทำการวิจัย พบว่า งานของ สสส. ช่วยลดความเสี่ยงและเมื่อดูความคุ้มค่าการลงทุนทางงบประมาณด้านสุขภาพ พบว่า อุบัติเหตุ ลงทุน 1 บาท ให้ผลตอบแทนกลับมา 130 เท่า ยาสูบผลตอบแทน 18 เท่า อาหารผลตอบแทน 13 เท่า ออกกำลังกายผลตอบแทน 6 เท่า เด็กเยาวชนและครอบครัวผลตอบแทน 7 เท่า อย่างไรก็ตาม นิยามขององค์การอนามัยโลกพูดถึงเรื่องการส่งเสริมสุขภาพหมายความถึงปัจจัยแวดล้อมโดยรวมและมีการขยายนิยามด้านสุขภาพออกไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดการส่งเสริมสุขภาพครบทุกมิติ

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น