สธ.ชู เขตสุขภาพที่ 8 ดูแลโรคหัวใจครบวงจร เผยให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ทุก รพ.ชุมชน เป็นเขตแรก พร้อมจัดระบบส่งต่อเคสขยายบอลลูนหลอดเลือดหัวใจ ผ่าตัดบายพาสแบบไร้คิวรอ ช่วยลดอัตราตายโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 8 ต่ำสุดในประเทศ พร้อมจัดระบบดูแลต่อเนื่องใกล้บ้าน
วันนี้ (23 ก.ย.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินทางไปยัง รพ.อุดรธานี เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจครบวงจรของเขตสุขภาพที่ 8 ซึ่งดูแลประชากร 5.4 ล้านคนของภาคอีสานตอนบนใน 7 จังหวัดคือ อุดรธานี สกลนคร นครพนม บึงกาฬ หนองคาย หนองบัวลำภู และเลย โดยมี รพ.อุดรธานี เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย และเป็นศูนย์โรคหัวใจระดับ 1 ตามนโยบายเขตบริการสุขภาพ (Service Plan)
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า จากการรับฟังผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพที่ 8 พบว่า มีการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจแบบครบวงจร ตั้งแต่ระดับอำเภอถึงระดับจังหวัด มีทีมแพทย์ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญดูแล ทั้งโรคหัวใจเด็ก อายุรกรรมโรคหัวใจ และศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก อย่างโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก โดยแต่ละปีจะมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 600 คน ก็มีการให้การรักษาตลอด 24 ชั่วโมง โดยเริ่มจากการให้ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อเปิดหลอดเลือดที่ตีบตันให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงหัวใจตามเดิม ซึ่งเป็นเขตสุขภาพแรกที่ให้การรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือดได้ครบทุกอำเภอคือ 90 อำเภอใน 7 จังหวัด โดยมี รพ.อุดรธานี เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา โดยให้ยาเร็วที่สุดใน 30 นาที ที่ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล
“หากได้รับยาละลายลิ่มเลือดแล้วไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยที่มีข้อห้ามของยาละลายลิ่มเลือด หรือผู้ป่วยช็อก ก็จะมีระบบการส่งต่อมาที่ศูนย์หัวใจฯ เพื่อฉีดสีหลอดเลือดหัวใจและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป คือ การขยายบอลลูนหลอดเลือดหัวใจ ซึ่ง รพ.อุดรธานี เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งเดียวในเขตอีสานตอนบนที่สามารถทำได้ แต่ละเดือนจะมีผู้ป่วยมารับการตรวจฉีดสีหลอดเลือดหัวใจเฉลี่ย 140 คน และต้องได้รับการขยายบอลลูนหลอดเลือดหัวใจประมาณ 80 คนต่อเดือน หรือการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งจะทำในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหลายเส้นหรือตีบส่วนต้นมาก” รมว.สธ. กล่าว
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า นอกจากนี้ รพ.อุดรธานี ยังให้บริการผ่าตัดโรคหัวใจชนิดอื่น ๆ เช่น ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ผ่าตัดโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ผ่าตัดหลอดเลือดแดงใหญ่และผ่าตัดเส้นเลือดแดงขาตีบตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเดิมต้องส่งไปรักษาที่ศูนย์หัวใจสิริกิตติ์และมีระยะเวลารอคอยผ่าตัด 6 เดือน - 1 ปี ปัจจุบันผ่าตัดได้ทันทีไม่มีคิวรอ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษารวดเร็ว อัตราตายของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันลดลงจากร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 8 และยังมีระบบส่งต่อข้อมูลไปยังโรงพยาบาล/รพ.สต. ใกล้บ้าน เพื่อดูแลต่อเนื่อง ผ่านศูนย์ดูแลต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วย/ครอบครัวสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจให้ประชาชนในเขตอีสานตอนบน และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้ต่ำที่สุดในประเทศ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่