สธ. เตือนจุดธูป 3 ดอก เกิดสารก่อมะเร็งเทียบเท่าสูดควันรถบริเวณจราจรคับคั่ง แนะใช้ผ้าปิดจมูก อยู่ในที่ถ่ายเทสะดวก
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2555 พบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ มีอัตราป่วย 473.34 คนต่อประชากร 1,000คน จำเป็นต้องดำเนินมาตรการป้องกัน ลด และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศทั้งภายนอกและภายในอาคารอย่างจริงจัง เพื่อให้คนไทยปลอดภัยและมีสุขภาพดีจากการได้รับอากาศที่สะอาด โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อมทางอากาศรอบ ๆ ตัวเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงการจุดธูป เผากระดาษเงินกระดาษทองในวัดไทย วัดจีน ศาลเจ้า รวมถึงการจุดในบ้าน เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามประเพณีเชื้อสายจีน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งผู้ที่อยู่ในบริเวณภายในและภายนอกสถานที่นั้น ๆ ได้ เพราะการจุดธูปจำนวนมาก ๆ แต่ละครั้ง ธูปที่เผาไหม้จะปล่อยฝุ่นละอองและสารมลพิษออกมามากมาย สารที่เกิดขึ้นจากการจุดธูปเทียนมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น กาว สี น้ำหอมเคมี
“เมื่อจุดธูปจะทำให้เกิดคาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหยง่าย รวมถึงสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด ได้แก่ สารในกลุ่ม PAH (Polycyclic aromatic hydrocarbon) เบนซินบิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน นอกจากนี้ ยังมีโครเมียม ตะกั่ว และนิกเกิล ส่วนขี้เถ้าที่เกิดจากการจุดธูปจะมีแมงกานีสเป็นส่วนใหญ่ การกำจัดขี้เถ้าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ทิ้งลงในน้ำ อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำหรือดินได้ หากดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนแมงกานีสจะทำให้เกิดผลเสียต่อสมอง ซึ่งมีงานวิจัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์พบว่า การจุดธูปเพียง 3 ดอก ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งเทียบเท่ากับการสูดควันรถบริเวณที่มีการจราจรคับคั่งอีกด้วย” รมว.สธ. กล่าว
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การป้องกันตนเองให้ปลอดภัยต่อการได้รับสารต่าง ๆ จากการจุดธูป และการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ทำได้ด้วยการใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก หรือสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะจุด เผา หรือต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นควันจำนวนมาก ใช้ธูปสั้นและขนาดเล็กแทนการใช้ธูปยาวและมีขนาดใหญ่เพื่อลดปริมาณควัน หากต้องจุดภายในบ้าน ควรเปิดประตู หน้าต่าง ให้มีการระบายควันออกไปนอกบ้าน หรือจุดในกระถางบรรจุทรายนอกบ้านในพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งต้องระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ ไม่ควรจุดธูปแล้วปักลงบนอาหาร หรือใกล้กับอาหารเพื่อป้องกันการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนควันและขี้เถ้าจากธูป เก็บกวาดขี้เถ้า เพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นจากขี้เถ้าเข้าสู่ร่างกาย
นพ.พรเทพ กล่าวว่า สำหรับในสถานที่ที่มีการจุดธูปจำนวนมาก ควรจัดสถานที่ให้มีการระบายอากาศดี ติดตั้งพัดลมระบายเพื่อดึงควันธูปออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด จัดเจ้าหน้าที่ในการดับควันธูปและสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นควันขณะปฏิบัติงาน ดูแลไม่ให้มีควันฟุ้งในพื้นที่จำนวนมาก ไม่ควรให้เด็กเล็กอยู่ใกล้ในบริเวณดังกล่าว และต้องล้างมือ ล้างหน้าหลังจากการสัมผัสหรืออยู่ในบริเวณที่มีควันธูปและกระดาษเงิน กระดาษทอง
“สำหรับในกลุ่มเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง นับเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อับทึบ ชื้น มีเชื้อรา หรือฝุ่นละออง ซึ่งสารเหล่านี้จะกระตุ้นให้เด็กเกิดอาการแพ้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือสูดดมควันธูป หากไม่สามารถเลี่ยงได้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการพักผ่อน หรือนอนหลับบริเวณที่มีการจุดธูป และหมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองจากควันธูปที่อาจตกค้างได้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่