xs
xsm
sm
md
lg

วิธีหยุด “อาการชัก” ผู้ป่วยก่อน “ชักต่อเนื่อง” ป้องกันสมองขาดออกซิเจน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรมแพทย์ ชี้ อาการชักไม่ได้เกิดจาก “โรคลมชัก” เสมอ พบอาการไข้ อดนอน ดื่มเหล้า ความเครียด กระตุ้นให้เกิดอาการชักได้ แนะหยุดอาการชักก่อนกลายเป็นภาวะชักต่อเนื่อง จนสมองขาดออกซิเจน

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคลมชักเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบมาก และเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะทุพพลภาพทั้งในผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ และอาจส่งผลกระทบทำให้เกิดอุบัติเหตุทั้งตนเองและผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยเกิดอาการชักระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ เช่น ขับรถ ทำกับข้าว เดินข้ามถนน หรือผู้ที่ทำกิจกรรมทางน้ำ เป็นต้น จึงเห็นได้ว่าโรคลมชักจัดเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ เนื่องจากเป็นโรคที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง และเป็นเวลานาน โรคลมชักเกิดจากภาวะการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเซลล์สมองอย่างเฉียบพลัน โดยมีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติออกมาจากเซลล์สมองจำนวนมากพร้อมกันจากจุดใดจุดหนึ่งหรือทั้งหมด อาการชักเกิดได้จากหลายสาเหตุผู้ป่วยที่มีอาการชักอาจไม่เป็นโรคลมชักเสมอไป แต่อาจเกิดจากปัจจัยกระตุ้น เช่น ไข้ อดนอน ดื่ม หรือหยุดแอลกอฮอล์ แสงกะพริบ เสียงดัง ความเครียดทางร่างกายหรือจิตใจที่รุนแรง และการมีรอบเดือน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีอาการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคลมชักได้ เช่น การติดเชื้อในสมอง อุบัติเหตุต่อสมองระยะเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมองระยะเฉียบพลัน ความผิดปกติทางเมตาโบลิก หรือมีไข้สูงในเด็ก เป็นต้น ปัจจัยบ่งชี้ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเพิ่มขึ้น เช่น สูงอายุ ชักแบบภาวะชักต่อเนื่องเกร็งกระตุกทั้งตัว และเปลี่ยนไปเป็นกระตุกเล็กน้อยหรือกระตุกเฉพาะที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีพยาธิสภาพเฉียบพลันในสมอง เช่น สมองขาดออกซิเจน การบาดเจ็บสมอง การเป็นพิษต่อสมอง ชักต่อเนื่องนานกว่า 60 นาที รวมทั้งมีภาวะแทรกซ้อน หลักการรักษาผู้ป่วยโรคลมชัก คือ ต้องรักษาผู้ป่วยให้หยุดชักก่อนกลายเป็นภาวะชักต่อเนื่อง โดยปฏิบัติ ดังนี้ 1. หยุดอาการชักให้เร็วที่สุด 2. ป้องกันการชักซ้ำ 3. บำบัดหรือกำจัดสาเหตุที่แก้ไขได้ 4. ป้องกันและบำบัดภาวะแทรกซ้อน” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

นพ.สุพรรณ กล่าวว่า การดูแลผู้ป่วยหากเกิดอาการชัก ควรเปิดทางหายใจให้โล่ง จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงายและตะแคงหน้า นำอาหาร หรือฟันปลอมที่มีอยู่ในปากออก และคลายเสื้อผ้าให้หลวมให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก จัดให้ผู้ป่วยนอนอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย ป้องกันอันตรายจากส่วนของร่างกายกระแทกกับของแข็ง ห้ามใช้ไม้กดลิ้นหรือวัตถุใด ๆ สอดเข้าไปในปากหรืองัดปากผู้ป่วยขณะเกร็งกัดฟัน เพราะอาจเกิดอันตรายฟันหักตกลงไปอุดหลอดลมได้ หากมีไข้สูง (อุณหภูมิกายเกิน 38 องศาเซลเซียส) ให้เช็ดตัวลดไข้ ห้ามให้ยากินเพราะอาจสำลักได้ และโทรศัพท์แจ้ง 1669 หรือรีบนำส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ทั้งนี้ โรคนี้ป้องกันและรักษาได้ หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่น ๆ

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น