xs
xsm
sm
md
lg

สาระน่ารู้กับโรงพยาบาลธนบุรี 1 เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกที่ไปเจริญเติบโตอยู่ผิดที่ภายนอกโพรงมดลูก โดยอาจแทรกตัวอยู่ในผนังกล้ามเนื้อมดลูก อาจเข้าไปในช่องท้องจนไปเจริญเติบโตอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น เยื่อบุช่องท้อง รังไข่ ผนังลำไส้ และผนังกระเพาะปัสสาวะ แผลผ่าตัดผนังหน้าท้อง สะดือและบางครั้งอาจกระจายไปสู่อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ปอด สมอง เมื่อเยื่อบุเหล่านี้ไปเจริญเติบโตอยู่ผิดที่ก็จะยังคงทำหน้าที่เช่นเดิม คือ การสร้างเลือดประจำเดือน จึงทำให้มีเลือดสะสมอยู่และยิ่งนานเลือดที่สะสมอยู่ก็จะมีสีคล้ำ หรือสีดำข้นคล้ายช็อกโกแลต ขังอยู่ตามอวัยวะดังกล่าว ซึ่งถ้าไปเกิดที่รังไข่ก็จะกลายเป็นถุงน้ำ เรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์”

สาเหตุที่ทำให้เกิดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากการไหลย้อนของประจำเดือนผ่านท่อนำไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆภายในช่องท้อง โดยมักจะตกไปอยู่ในอุ้งเชิงกราน เราจึงมักพบเยื่อบุโพรงมดลูกเหล่านี้เจริญเติบโตอยู่บริเวณรังไข่ และเยื่อบุช่องท้องด้านหลังของมดลูก นอกจากนี้ เชื่อว่า เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกอาจกระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไปได้โดยผ่านทางหลอดเลือดและท่อน้ำเหลือง จึงอาจทำให้เกิดรอยโรคขึ้นได้ในต่อมน้ำเหลือง ปอด สมอง รวมทั้งอาจเกิดที่ผิวหนัง สะดือ และแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง

อาการแสดงที่สำคัญ

ได้แก่ อาการปวดประจำเดือนมากผิดปกติ โดยความรุนแรงของอาการปวดจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบางรายมีอาการปวดหน่วงลงทวารหนัก ปวดร้าวไปหลัง เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง และภาวะมีบุตรยาก ซึ่งสัมพันธ์กับการอักเสบและการเกิดพังผืดในอุ้งเชิงกรานจากตัวโรค สำหรับผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน และในกรณีที่รอยโรคอยู่ที่ลำไส้ตรงหรือกระเพาะปัสสาวะ ก็อาจพบเลือดออกทางทวารหนัก หรือปัสสาวะเป็นเลือดได้ในช่วงที่มีประจำเดือน อย่างไรก็ตาม พบว่า มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีอาการแต่อย่างใด ดังนั้น จึงควรมาตรวจภายในประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการตรวจอัลตราซาวน์ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มต้นจะดีกว่า

แนวทางการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

1. การใช้ยา
• ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เพื่อช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและอาการปวดท้องน้อย
• ยาฮอร์โมน ซึ่งมีทั้งยากิน ยาฉีด และห่วงฮอร์โมนใส่ในโพรงมดลูก

2. การผ่าตัด
• การผ่าตัดผ่านทางหน้าท้องโดยใช้กล้อง เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้เร็ว และมีโอกาสเกิดพังผืดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
• การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องควรใช้ในกรณีที่รอยโรคเป็นรุนแรง

ในการผ่าตัดเอารอยโรคของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ออกนั้น หากไม่ได้รับการรักษาต่อภายหลังการผ่าตัดพบว่ามีโอกาสที่โรคจะกลับเป็นซ้ำได้ราวร้อยละ 5 ถึง 20 ต่อปี หรือร้อยละ 40 ในเวลา 5 ปี ดังนั้นผู้ป่วยที่ยังไม่ต้องการมีบุตรในทันที จึงควรได้รับการรักษาต่อเนื่องด้วยการใช้ยาฮอร์โมน ส่วนในรายที่ต้องการมีบุตรนั้น ช่วงเวลาดีที่สุดที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่ในช่วง 1 ปีแรกภายหลังการผ่าตัด ส่วนในกรณีที่รอยโรคค่อนข้างรุนแรงและผู้ป่วยไม่ต้องการมีบุตรแล้ว การผ่าตัดเอามดลูกและรังไข่ออกทั้งหมดจะช่วยให้หายขาดจากโรคได้ แต่ก็มีข้อเสีย คือ ทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะวัยทองก่อนเวลาอันควร ในกรณีนี้จึงอาจจำเป็นต้องให้ฮอร์โมนทดแทนเพื่อช่วยลดอาการต่าง ๆ ของภาวะวัยทอง

พญ.นันทอร วงศ์เจริญเกียรติ


ขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลธนบุรี 1
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 0-2421-3870 (เวลา 08.00 - 22.00น.)
HOT LINE 1645 กด 1 หรือ 0-2487-2000 ต่อ 7470-1
เปิดบริการทุกวัน
Email : th@thonburihospital.com
http://www.thonburihospital.com/

URL : http://thonburihospital.com/2013/Package_Detail.aspx?Id=30


(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)

กำลังโหลดความคิดเห็น