เครือข่ายเหล้าค้านยกเลิกประกาศโซนนิงห้ามขายเหล้า 300 เมตร รอบมหาวิทยาลัย - อาชีวะ ชี้คำสั่ง คสช. ไม่ยั่งยืน ไม่กำหนดขอบเขต เล็งทำหนังสือถึงรองนายกฯ พร้อมเสนอแก้ พ.ร.บ. สุรา
นายคำรณ ชูเดชา เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ กล่าวว่า คำสั่ง คสช. มาตรา 44 เป็นการออกมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีอยู่เดิมให้เข้มข้นขึ้น แต่มีข้อด้อย คือ การให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจและดุลพินิจเอง และไม่มีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนถึงพื้นที่ห้ามขายเหล้า ซึ่งอาจมีข้อร้องเรียนและข้อครหาได้ว่าไม่เป็นธรรม แต่หากมีประกาศ ตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2550 เรื่อง กำหนดรัศมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 300 เมตร รอบสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา หรือสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนที่ว่ามีการยกเลิกประกาศดังกล่าวแล้ว ให้ใช้คำสั่ง คสช. เพียงอย่างเดียวนั้น อาจมีกลุ่มธุรกิจแอลกอฮอล์เข้ามาให้ข้อมูล หรือแทรกแซงนโยบาย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าน่าแปลกใจ เพราะนายกรัฐมนตรีลงนามแล้ว เหลือเพียงลงนามในพระราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายหากยกเลิกประกาศดังกล่าวไป
“อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ต้องการให้มีการปรับถ้อยคำ และอาจรอ 6 เดือน ก่อนพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากเป็นจริงถือเป็นการซื้อเวลา เพราะความจริงแล้วประกาศสำนักนายกฯ และ คสช. เป็นคนละส่วนกัน และประกาศสำนักนายกฯถือว่ามีความยั่งยืนกว่า ทั้งนี้ ทางเครือข่ายจะทำหนังสือขอเข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากทั้งรัฐบาลและเครือข่าย มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เพียงแต่วิธีการอาจแตกต่างกัน ซึ่งไม่เห็นด้วยที่จะไม่มีการกำหนดโซนนิง เพราะการใช้ดุลพินิจอย่างเดียวไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายจะเสนอให้มีการแก้ พ.ร.บ. สุรา ในส่วนของคำนิยาม เพื่อให้มีผลในการขอใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” นายคำรณ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายคำรณ ชูเดชา เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ กล่าวว่า คำสั่ง คสช. มาตรา 44 เป็นการออกมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีอยู่เดิมให้เข้มข้นขึ้น แต่มีข้อด้อย คือ การให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจและดุลพินิจเอง และไม่มีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนถึงพื้นที่ห้ามขายเหล้า ซึ่งอาจมีข้อร้องเรียนและข้อครหาได้ว่าไม่เป็นธรรม แต่หากมีประกาศ ตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2550 เรื่อง กำหนดรัศมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 300 เมตร รอบสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา หรือสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนที่ว่ามีการยกเลิกประกาศดังกล่าวแล้ว ให้ใช้คำสั่ง คสช. เพียงอย่างเดียวนั้น อาจมีกลุ่มธุรกิจแอลกอฮอล์เข้ามาให้ข้อมูล หรือแทรกแซงนโยบาย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าน่าแปลกใจ เพราะนายกรัฐมนตรีลงนามแล้ว เหลือเพียงลงนามในพระราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายหากยกเลิกประกาศดังกล่าวไป
“อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ต้องการให้มีการปรับถ้อยคำ และอาจรอ 6 เดือน ก่อนพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากเป็นจริงถือเป็นการซื้อเวลา เพราะความจริงแล้วประกาศสำนักนายกฯ และ คสช. เป็นคนละส่วนกัน และประกาศสำนักนายกฯถือว่ามีความยั่งยืนกว่า ทั้งนี้ ทางเครือข่ายจะทำหนังสือขอเข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากทั้งรัฐบาลและเครือข่าย มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เพียงแต่วิธีการอาจแตกต่างกัน ซึ่งไม่เห็นด้วยที่จะไม่มีการกำหนดโซนนิง เพราะการใช้ดุลพินิจอย่างเดียวไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายจะเสนอให้มีการแก้ พ.ร.บ. สุรา ในส่วนของคำนิยาม เพื่อให้มีผลในการขอใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” นายคำรณ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่