ห่วงคำสั่ง คสช.คุมเหล้าไม่ยั่งยืน แนะผลักดันออกเป็นกฎหมาย เข้มเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจริงจัง ชี้แนวทางปฏิบัติไม่ชัด เตรียมหารือออกแนวทางเพิ่ม
นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา พ.ศ.2558 ซึ่งกำหนดโซนนิ่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาและสถาบันอุดมศึกษาในรัศมี 300 เมตรนั้น นายกรัฐมนตรีได้ลงนามแล้ว แต่ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงยังไม่มีผลบังคับใช้ ขณะที่คำสั่ง คสช. ฉบับนี้ จะมีความเข้มข้นในการบังคับใช้มากขึ้น แต่ปัญหา คือไม่มีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน และคำสั่งคสช. ใช้คำว่า อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ก็อาจทำให้ผู้ได้รับผลกระทบร้องเรียนได้ เพราะดุลพินิจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น ควรมีระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติมารองรับน่าจะชัดเจนมากขึ้น
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมากฎหมายคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ค่อยมีการบังคับใชมากนัก คำสั่ง คสช.จะทำให้มีการบังคับใช้จริงจัง และหากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติงานก็เข้าข่ายละเว้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ คำสั่งคสช. ยังเกิดคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ เพราะหากคสช.หมดไป คำสั่งนี้จะหมดด้วยหรือไม่ เพื่อทางที่ดีที่สุดมองว่าควรมีการผลักดันออกเป็นกฎหมายด้วย อย่างเรื่องการกำหนดโซนนิ่งห้ามขายเหล้ารอบสถานศึกษา 300 เมตร มีประกาศสำนักนายกฯ แต่ยังไม่บังคับใช้ก็ควรเร่งผลักดันให้สำเร็จ ขณะที่หากสถานบริการใดละเมิดคำสั่งทั้ง ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เจ้าหน้าที่มีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิดสถานบริการได้เป็นเวลา 5 ปี ตรงนี้ควรไปแก้กฎหมายของกรรมสรรพสามิต ในเรื่องการขอใบอนุญาตด้วย
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ จะมีการหารือถึงแนวทางการดำเนินการตามคำสั่งคสช.ดังกล่าวที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ควรดำเนินการอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรัศมีรอบสถานศึกษาต้องระยะทางเท่าไร หรือสถานศึกษาจะครอบคลุมระดับใดบ้าง เป็นต้น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา พ.ศ.2558 ซึ่งกำหนดโซนนิ่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาและสถาบันอุดมศึกษาในรัศมี 300 เมตรนั้น นายกรัฐมนตรีได้ลงนามแล้ว แต่ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงยังไม่มีผลบังคับใช้ ขณะที่คำสั่ง คสช. ฉบับนี้ จะมีความเข้มข้นในการบังคับใช้มากขึ้น แต่ปัญหา คือไม่มีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน และคำสั่งคสช. ใช้คำว่า อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ก็อาจทำให้ผู้ได้รับผลกระทบร้องเรียนได้ เพราะดุลพินิจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น ควรมีระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติมารองรับน่าจะชัดเจนมากขึ้น
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมากฎหมายคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ค่อยมีการบังคับใชมากนัก คำสั่ง คสช.จะทำให้มีการบังคับใช้จริงจัง และหากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติงานก็เข้าข่ายละเว้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ คำสั่งคสช. ยังเกิดคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ เพราะหากคสช.หมดไป คำสั่งนี้จะหมดด้วยหรือไม่ เพื่อทางที่ดีที่สุดมองว่าควรมีการผลักดันออกเป็นกฎหมายด้วย อย่างเรื่องการกำหนดโซนนิ่งห้ามขายเหล้ารอบสถานศึกษา 300 เมตร มีประกาศสำนักนายกฯ แต่ยังไม่บังคับใช้ก็ควรเร่งผลักดันให้สำเร็จ ขณะที่หากสถานบริการใดละเมิดคำสั่งทั้ง ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เจ้าหน้าที่มีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิดสถานบริการได้เป็นเวลา 5 ปี ตรงนี้ควรไปแก้กฎหมายของกรรมสรรพสามิต ในเรื่องการขอใบอนุญาตด้วย
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ จะมีการหารือถึงแนวทางการดำเนินการตามคำสั่งคสช.ดังกล่าวที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ควรดำเนินการอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรัศมีรอบสถานศึกษาต้องระยะทางเท่าไร หรือสถานศึกษาจะครอบคลุมระดับใดบ้าง เป็นต้น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
