xs
xsm
sm
md
lg

ยารักษาหัวล้านเสี่ยงทำ “หำหด” แต่ไม่ทุกคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อภ. รับยารักษาหัวล้านเสี่ยงกระทบ “สมรรถภาพทางเพศ” แต่ไม่ทุกคน ระบุส่วนใหญ่เป็นในชายสูงวัย ส่วนชายวัยทำงานไม่เจอปัญหา ชี้หยุดยายุติปัญหาได้ ย้ำก่อนใช้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดก่อน พร้อมต่อยอดยาในผู้หญิง

ภญ.รัชนีกร เจวประเสริฐพันธุ์ นักวิจัยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงการพัฒนายาฟีแนสเทอไรด์ (Finasteride) ซึ่งเป็นยารักษาต่อมลูกหมากโต มาใช้แก้ปัญหาผมร่วงศีรษะล้าน ว่า จากการศึกษาพบว่ายาดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาผมร่วงได้ จึงพัฒนาเป็นสูตรฟิแนสเทอไรด์ 1 มิลลิกรัม ส่วนสูตร 5 มิลลิกรัม ใช้สำรับต่อมลูกหมากโต โดยยาดังกล่าวใช้สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาผมบางเท่านั้น เพราะเดิมเป็นยารักษาต่อมลูกหมากโต จึงไม่เหมาะในเพศหญิง ยิ่งหากอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรอาจมีความเสี่ยงต่อเด็กทำให้พิการได้ สำหรับยาแก้ปัญหาผมร่วงในผู้หญิงอยู่ระหว่างการพัฒนาเช่นกัน

ภญ.รัชนีกร กล่าวว่า ยาฟิแนสเทอไรด์ 1 มิลลกรัม จะใช้ได้ผลดีในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่มีผลข้างเคียงในเรื่องต่อมไร้ท่อ ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน และความดัน ผู้ป่วยโรคความดันจึงต้องระมัดระวัง สิ่งสำคัญก่อนการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุด เพราะเราไม่ทราบว่าอาการผมร่วง เกิดจากอะไรกันแน่ หากเป็นเรื่องของฮอร์โมนก็สามารถใช้ยาตัวนี้ได้ แต่หากไม่ใช่ก็จะไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ยาดังกล่าวได้มีการทดลองและศึกษาชีวสมมูลในอาสาสมัครประมาณ 30 คน โดยศึกษาเปรียบเทียบกับยาต้นแบบเพื่อพิจารณาคุณภาพ พบว่า ได้ผลไม่แตกต่าง ขณะนี้ได้ขึ้นทะเบียนยากับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว และเริ่มจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา สำหรับสาเหตุที่พัฒนายาดังกล่าวไม่ใช่เพราะยาต้นแบบมีราคาแพงจนเข้าไม่ถึง แต่ปัจจุบันยาปลอมมีมาก ประกอบกับศีรษะล้านพบมากในชายไทยถึง 1 ใน 3 ซึ่งส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจได้ จึงเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนที่มีปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อกังวลว่ายาดังกล่าวจะกระทบกับสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย ภญ.รัชนีกร กล่าวว่า อาจมีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในผู้สูงอายุมาก ๆ แต่ไม่ได้เป็นถาวร ที่สำคัญไม่ได้เกิดปัญหากับทุกคน ยิ่งในผู้ชายวัยทำงานไม่พบรายงานปัญหานี้ ประกอบกับเมื่อหยุดใช้ยา ปัญหาก็หมด นอกจากนี้ ยาดังกล่าวเมื่อหยุดใช้ก็อาจเป็นได้อีก แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ใช้ตลอดไป เพราะหากกังวลผลข้างเคียงให้หยุดใช้ และอาจกลับมาใช้ใหม่ได้อีกประมาณ 1 - 2 ปี เป็นต้น

ด้าน ภญ.พนัสยา ศุภาสารสาทร ทีมวิจัยฯ กล่าวว่า นอกจากการพัฒนายาเม็ดแล้ว อภ. ยังมีการพัฒนาในสูตรยาน้ำ เพื่อใช้ภายนอกและสามารถใช้ได้ทั้งในเพศหญิงและชาย เรียกว่า ไมนอกซิดิล โซลูชั่น (Minoxidil Solution) มีความเข้มข้นที่ปริมาณ 2 - 5% โดยยาดังกล่าวเป็นสูตรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการแก้ปัญหาผมร่วง โดยใช้หยอดเพียง 0.5 - 1 มิลลิลิตร วันละ 2 ครั้ง ประมาณ 4 เดือน ก็จะเริ่มเห็นผล ขณะที่ผลข้างเคียงจะน้อยกว่ายาชนิดเม็ด ซึ่งจะพบเพียงอาการระคายเคืองและคัน แต่ก็ยังไม่แนะนำผู้ที่มีแผลบนหนังศีรษะ และในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรก็ไม่ควรใช้เช่นกันเพราะยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่าจะไม่กระทบกับกลุ่มดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. แล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมแผนการจำหน่ายในอนาคต

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น