xs
xsm
sm
md
lg

สปสช.เมินเบื้องหลังคนคิดตั้ง “สภาประกันสุขภาพ” ย้ำ 3 สิทธิยังเหลื่อมล้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รักษาการเลขาธิการ สปสช. ชี้เมินตัวตั้งตัวตี “สภาประกันสุขภาพฯ” มีเบื้องหลัง บอกไม่สำคัญ ขอเพียงกระบวนการเปิดกว้าง ย้ำทุกวันนี้สิทธิรักษา 3 กองทุนเหลื่อมล้ำ แต่ยังไม่ควรรวมกองทุน ให้รอดูสถานการณ์ในอนาคต แนะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารแทน ประเมินความคุ้มค่ายา-เทคโนโลยีราคาแพงก่อนให้สิทธิ เติมเงินเข้าบัตรทอง

วันนี้ (21 ก.ค.) นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีข้อเสนอการยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ เพื่อตั้งสภาประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า ทุกวันนี้กองทุนรักษาพยาบาลภาครัฐมีความแตกต่างกัน ให้สิทธิไม่เท่ากัน และใช้งบประมาณแตกต่างกัน ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ถ้าแยกการคิด การทำ การบริหารจัดการอย่างไรปัญหาก็ไม่จบ ดังนั้น ถ้ามีกลไกหรือมีเครื่องมือให้ทั้ว 3 กองทุนมีการออกแบบสิทธิประโยชน์และบริหารจัดการไปในทางเดียวกัน ใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์ก็เป็นเรื่องที่ดี สำหรับประเด็นว่าคนยกร่างมีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีความเชื่อมโยง มองว่าไม่สำคัญ ขอเพียงกระบวนการมีการเปิดกว้าง ส่วนตัวมองว่าคนที่ทำเรื่องนี้ ทั้ง ศ.อัมมาร สยามวา ในฐานะประธานก็ไม่มีผลประโยชน์อะไร นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานร่วมกับองค์การอนามัยโลกมาตลอด

นพ.ประทีป กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวหากจะดำเนินการคงต้องดูสถานการณ์ด้วย ถ้าใช้การบังคับโดยไม่ทำให้สังคมเข้าใจก็คงยากที่จะสำเร็จ อย่างกฎหมายที่ยกร่างก็ถือว่าโอเค แต่กรณีที่ระบุว่าเพื่อบูรณาการให้ทั้ง 3 กองทุนเกิดประสิทธิภาพเพื่อความเป็นธรรม โดยได้รับสิทธิประโยชน์ไม่น้อยไปกว่าเดิม ถ้าตั้งต้นอย่างนี้ก็ยาก เพราะวันนี้ข้าราชการได้รับงบประมาณรายหัวอยู่ 1.2 หมื่นบาท บัตรทองได้รับประมาณ 3 พันบาท หากจะให้ลดสิทธิข้าราชการมาเท่าบัตรทองก็คงไม่มีใครยอม และถ้าให้สิทธิบัตรทองไปเท่ากับข้าราชการก็ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ดังนั้น คงจะยากที่จะทำให้เกิดความเสมอภาคและเป็นธรรม แต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้ระบบมีประสิทธิภาพเสมอภาคอย่างไร ดังนั้น ส่วนตัวยังไม่เห็นด้วยที่จะรวมกองทุนกันในช่วงนี้ เพราะขณะนี้รัฐบาลต้องแบกรับเรื่องการปฏิรูปอีกมาก แต่ถ้าให้มีการประสานข้อมูลกัน ช่วยกัน น่าจะเหมาะกว่า ส่วนอนาคตจะรวมกองทุนได้หรือไม่ก็ต้องดูที่สถานการณ์

“สำหรับแนวทางที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมนั้น คิดว่าสิ่งที่ต้องทำให้สถานการณ์ตอนนี้ คือ 1. ทำให้ทั้ง 3 ระบบมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น กระจายการใช้บริการให้ออกไปตามความจำเป็น คือไม่กระจุกตัวที่ รพ.ใหญ่ จะทำให้การลงทุนภาครัฐไม่มีประสิทธิภาพ 2. ต้องมีการควบคุมดูแลเรื่องของสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะค่ายา เทคโนโลยีการแพทย์ราคาแพง ต้องมีการประเมินความคุ้มค่าให้ชัดเจน 3. ในส่วนที่เคยได้รับงบประมาณน้อยอย่างบัตรทอง รัฐต้องค่อย ๆ เพิ่มการสนับสนุนตามฐานะของประเทศ ส่วนระบบที่เคยได้รับมากก็ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น” รักษาการเลขาธิการ สปสช. กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น