สปส. รับโครงการป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ฟรีทุกสิทธิมีข้อจำกัด เหตุประกันสังคมจ่ายค่ารักษาช่วง 72 ชั่วโมง ทุกระดับความฉุกเฉิน ไม่จำเป็นต้องวิกฤตสีแดงแบบ สปสช. ระบุ รพ.รัฐ จ่ายครบผู้ป่วยไม่ต้องออกค่ารักษา หากเป็น รพ.เอกชน อาจมีส่วนต่างที่เกินจากเกณฑ์
พ.ต.ต.หญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และโฆษก สปส. กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสิทธิประกันสังคม สามารถเข้ารักษาได้ในโรงพยาบาลทุกแห่งที่เป็นคู่สัญญา สปส. ในการเป็นหน่วยบริการ โดยฟอกเลือดล้างไตมี 514 แห่ง ล้างไตทางช่องท้อง 69 แห่ง และปลูกถ่ายไต 20 แห่ง ผู้ป่วยไม่ต้องสำรองจ่าย แต่หากไปรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาจะต้องออกค่ารักษาเอง ยกเว้นเป็นกรณีฉุกเฉิน สปส. ก็จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย ซึ่งไม่เฉพาะแค่เพียงโรคไตวายเรื้อรังเท่านั้น แต่เป็นกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินทั้งหมด ซึ่งกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินสิทธิประกันสังคม จะมีความแตกต่างจากสิทธิฉุกเฉิน 3 กองทุน
“โครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ฟรีทุกสิทธิเป็นนโยบายที่ประกันสังคมเข้าร่วม แต่ยอมรับว่า ยังคงมีข้อจำกัดบางประการ เพราะที่จริงแล้วการดูแลตามจ่ายค่ารักษาสิทธิฉุกเฉินของประกันสังคมจะต่างจากโครงการดังกล่าว อย่างโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นฉุกเฉินวิกฤตสีแดงถึงจะเข้าเกณฑ์ แต่ของประกันสังคมขอเพียงแพทย์ฉุกเฉินวินิจฉัยว่าเป็นเคสฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นฉุกเฉินเร่งด่วน ฉุกเฉินอันตราย หรือฉุกเฉินวิกฤต ก็ถือว่าเป็นฉุกเฉินทั้งหมด ซึ่งประกันสังคมจะดูแลค่าใช้จ่ายในช่วง 72 ชั่วโมงแรก โดยขอให้มีการประสานมายัง สปส. ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ได้ ทั้งญาติ หรือโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อ สปส. รับเรื่องก็จะประสานดูแลตามระบบต่อไป” รองเลขาธิการ สปส. กล่าว
พ.ต.ต.หญิง รมยง กล่าวว่า หากเข้าฉุกเฉินของ รพ.รัฐ ไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายค่ารักษาใด ๆ แต่หากเป็น รพ.เอกชน ก็จะมีเกณฑ์ในการจ่ายค่ารักษา ซึ่งต้องยอมรับว่า รพ.เอกชน มีหลายระดับ และราคาต่างกัน เพราะ รพ.เอกชน เป็นราคาขายบวกกับกำไร การตามจ่ายค่ารักษาอาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ สปส. จะพยายามพิจารณาโดยยึดผลประโยชน์ของผู้ประกันตนเป็นหลัก ซึ่งหากผู้ป่วยมีความจำเป็นในการต้องเข้ารับบริการเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ รพ.เอกชน แห่งนี้ ก็อาจมีจ่ายค่ารักษาให้ที่มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ประมาณ 50 - 60% ของราคาขายของ รพ.เอกชน อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกันตนรู้สึกไม่พอใจ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถอุทธรณ์ต่อได้อีก
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่