เราเคยมีปัญหาจำชื่อครูประจำชั้นสมัยเราเรียน ป.1 ไม่ได้ หรือจำไม่ได้ว่าเมื่อวานทานอะไรไปหรือไม่ ถ้าเราเคยมีปัญหาเหล่านี้นั่นแสดงให้เห็นว่าความจำระยะยาวและระยะสั้นของเราเริ่มสูญหายไป สาเหตุอาจเนื่องมาจากวัยที่มากขึ้น หรือเพราะว่าโรคความจำเสื่อมเริ่มมาเยือนแล้ว มีนักประสาทวิทยาจำนวนไม่น้อยได้ศึกษาเรื่องของการเสื่อมของสภาพสมอง และพยายามที่จะหาวิธีชะลอการสูญเสียความจำ หรือพยายามทำให้ความจำกลับคืนมาใหม่อีกครั้งโดยการศึกษาได้ผลดังนี้
1. อาหารกระตุ้นสมอง ทุกคนมีความคาดหวังที่จะมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า การทานอาหารที่ดีจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนในคนอายุ 70 ปี ที่กระฉับกระเฉง กับคนร่างกายแห้งเหี่ยวอายุ 40 ปี การที่เราจะความจำที่ความเฉียบแหลม ทั้ง ๆ ที่สมองมีอายุมากขึ้นแล้วนั้น เคล็ดลับคือต้องทานอาหารที่มีคุณค่ามีการย่อยสลายสูง เช่น อาหารประเภท บลูเบอรรี แอบเปิล กล้วย ผักใบเขียว กระเทียม และแครอท เป็นต้น เพื่อไปกำจัดสิ่งที่เป็นพิษออกจากเซลล์ในร่างกาย อาหารจำพวกนี้จะไปกำจัดสิ่งที่สะสมที่เป็นพิษต่อร่างกาย ทั้งยังทำให้เลือดมีระบบไหลเวียนที่ดีไปเลี้ยงสมองได้อย่างรวดเร็ว อีกประการหนึ่งคือ การรับประทานอาหารประเภทที่มีโอเมกา 3 เช่น พวกปลาและถั่วต่าง ๆ จะช่วยซ่อมแซมเซลล์สมองอีกทางหนึ่งด้วย ช็อกโกเลตก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความจำ เพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แต่การรับประทานมากเกินไปจะมีผลเสียด้วยเช่นเดียวกันเพราะมีน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นสารที่ทำให้มีน้ำหนักเพิ่ม ดังนั้น จึงควรระวังเช่นเดียวกัน
2. เคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มพลังสมอง ไม่มีใครทราบว่าทำไมการเคี้ยวหมากฝรั่งจึงช่วยเพิ่มพลังสมอง แต่การวิจัยค้นพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มระบบความจำ เมื่อปี ค.ศ. 2002 ในประเทศอังกฤษได้ทำการวิจัยและค้นพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มความจำทั้งความจำระยะสั้นและความจำระยะยาวมากกว่าคนที่ไม่เคี้ยวอะไรเลย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาเหตุผลที่มีนัยสำคัญได้ แต่อาจเป็นเพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำลายภายในปาก ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้สมองมีการทำงานได้ดีขึ้นก็เป็นได้
3. เมื่อตื่นนอนให้ดมกลิ่นหอมประเภทโรสแมรี่ โรสแมรี่เป็นพืชไม้พุ่มที่ใช้ทำเครื่องสำอาง หรือเครื่องปรุงแต่งรส นักวิทยาศาสตร์ พบว่า เครื่องหอม หรืออโรม่าต่าง ๆ สามารถช่วยเพิ่มความสามารถทางความจำได้ จากผลการศึกษาเมื่อปี ค.ศ. 2003 นักจิตวิทยาทำการวิจัยในด้านความจำในระยะยาว ความจำเรื่องการทำงาน ความตั้งใจในการทำงานและการตอบสนองต่อแบบทดสอบที่จัดทำให้ ใช้กลุ่มประชากรเป็นอาสาสมัครทั้งหมด 144 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ทำงานในห้องเล็ก ๆ ที่ไม่มีกลิ่นอะไรเลย กลุ่มที่ 2 ทำงานในห้องเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นหอมของโรสแมรี่ และกลุ่มที่ 3 ทำงานในห้องเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นลาเวนเดอร์ ผลปรากฏ ว่ากลุ่มที่อยู่ในห้องที่มีกลิ่นโรสแมรี่มีความจำระยะยาว และความจำในการทำงานได้ดีกว่ากลุ่มในทำงานในห้องที่ไม่มีกลิ่น ส่วนกลุ่มว่ามีกลิ่นลาเวนเดอร์มีความจำเรื่องงานที่แย่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับทั้ง 2 กลุ่ม ยิ่งกว่านั้นกลุ่มที่ดมโรสแมรี่มีความตื่นตัว กระตือรือร้นในการทำงานมากกว่ากลุ่มควบคุม (กลุ่มที่ไม่ดมกลิ่นอะไรเลย) และกลุ่มที่ดมลาเวนเดอร์มีการตื่นตัวน้อยที่สุด ดังนั้น หากเราต้องมีความจำที่แหลมคม เราอาจต้องหาโรสแมรี่มาวางไว้ที่หน้าต่างตอนเช้า ๆ และหลีกเลี่ยงกลิ่นลาเวนเดอร์ก็เป็นได้
4. เล่นเกมฝึกสมอง การเล่นเกมให้สมองได้คิดเป็นการฝึกสมองอย่างหนึ่ง จากงานวิจัยของนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Stanford และมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย ค้นพบว่าการให้ผู้สูงอายุได้เล่นเกมที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ช่วยเพิ่มความจำและมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพต่อ หาภาพเหมือนและแตกต่าง การต่อคำศัพท์ และการแก้ปัญหาแบบเป็นตารางก็ช่วยได้มาก
5. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อน นับว่าเป็นการช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้นในวันทำงานถัดไป ช่วยให้สมองแจ่มใส คิดอะไรได้ฉับไว
6. เดินออกกำลังกายกระตุ้นสมอง การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและยังช่วยให้สมองส่วนความจำทำงานได้ดี จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Illinois พบว่าผู้สูงอายุ 60 คนที่มีอายุ 55 - 88 ปี ที่ออกกำลังกายโดยการเดิน 40 นาที ใน 3 วันต่อสัปดาห์ และออกกำลังกายแบบเต้นแอโรบิก เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มความจำที่ดีขึ้นด้วย
คงไม่มีใครอยากเป็นโรคความจำเสื่อม ดังนั้น การออกกำลังกายสมอง ไม่ว่าจะเป็นการดมกลิ่นโรสแมรี่ การรับประทานอาหารที่ดี การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับ การเล่นเกมฝึกสมอง หรือแม้กระทั่งการเคี้ยวหมากฝรั่ง ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่น่าลองทำ มาช่วยกันรักษาสุขภาพดีกว่าให้แข็งแรงดีกว่าค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอ
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.livescience.com/17756-6-fun-ways-sharpen-memory.html?li_source=pm&li_medium=more-from-livescience&li_campaign=related_test
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
1. อาหารกระตุ้นสมอง ทุกคนมีความคาดหวังที่จะมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า การทานอาหารที่ดีจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนในคนอายุ 70 ปี ที่กระฉับกระเฉง กับคนร่างกายแห้งเหี่ยวอายุ 40 ปี การที่เราจะความจำที่ความเฉียบแหลม ทั้ง ๆ ที่สมองมีอายุมากขึ้นแล้วนั้น เคล็ดลับคือต้องทานอาหารที่มีคุณค่ามีการย่อยสลายสูง เช่น อาหารประเภท บลูเบอรรี แอบเปิล กล้วย ผักใบเขียว กระเทียม และแครอท เป็นต้น เพื่อไปกำจัดสิ่งที่เป็นพิษออกจากเซลล์ในร่างกาย อาหารจำพวกนี้จะไปกำจัดสิ่งที่สะสมที่เป็นพิษต่อร่างกาย ทั้งยังทำให้เลือดมีระบบไหลเวียนที่ดีไปเลี้ยงสมองได้อย่างรวดเร็ว อีกประการหนึ่งคือ การรับประทานอาหารประเภทที่มีโอเมกา 3 เช่น พวกปลาและถั่วต่าง ๆ จะช่วยซ่อมแซมเซลล์สมองอีกทางหนึ่งด้วย ช็อกโกเลตก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความจำ เพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แต่การรับประทานมากเกินไปจะมีผลเสียด้วยเช่นเดียวกันเพราะมีน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นสารที่ทำให้มีน้ำหนักเพิ่ม ดังนั้น จึงควรระวังเช่นเดียวกัน
2. เคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มพลังสมอง ไม่มีใครทราบว่าทำไมการเคี้ยวหมากฝรั่งจึงช่วยเพิ่มพลังสมอง แต่การวิจัยค้นพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มระบบความจำ เมื่อปี ค.ศ. 2002 ในประเทศอังกฤษได้ทำการวิจัยและค้นพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มความจำทั้งความจำระยะสั้นและความจำระยะยาวมากกว่าคนที่ไม่เคี้ยวอะไรเลย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาเหตุผลที่มีนัยสำคัญได้ แต่อาจเป็นเพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำลายภายในปาก ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้สมองมีการทำงานได้ดีขึ้นก็เป็นได้
3. เมื่อตื่นนอนให้ดมกลิ่นหอมประเภทโรสแมรี่ โรสแมรี่เป็นพืชไม้พุ่มที่ใช้ทำเครื่องสำอาง หรือเครื่องปรุงแต่งรส นักวิทยาศาสตร์ พบว่า เครื่องหอม หรืออโรม่าต่าง ๆ สามารถช่วยเพิ่มความสามารถทางความจำได้ จากผลการศึกษาเมื่อปี ค.ศ. 2003 นักจิตวิทยาทำการวิจัยในด้านความจำในระยะยาว ความจำเรื่องการทำงาน ความตั้งใจในการทำงานและการตอบสนองต่อแบบทดสอบที่จัดทำให้ ใช้กลุ่มประชากรเป็นอาสาสมัครทั้งหมด 144 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ทำงานในห้องเล็ก ๆ ที่ไม่มีกลิ่นอะไรเลย กลุ่มที่ 2 ทำงานในห้องเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นหอมของโรสแมรี่ และกลุ่มที่ 3 ทำงานในห้องเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นลาเวนเดอร์ ผลปรากฏ ว่ากลุ่มที่อยู่ในห้องที่มีกลิ่นโรสแมรี่มีความจำระยะยาว และความจำในการทำงานได้ดีกว่ากลุ่มในทำงานในห้องที่ไม่มีกลิ่น ส่วนกลุ่มว่ามีกลิ่นลาเวนเดอร์มีความจำเรื่องงานที่แย่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับทั้ง 2 กลุ่ม ยิ่งกว่านั้นกลุ่มที่ดมโรสแมรี่มีความตื่นตัว กระตือรือร้นในการทำงานมากกว่ากลุ่มควบคุม (กลุ่มที่ไม่ดมกลิ่นอะไรเลย) และกลุ่มที่ดมลาเวนเดอร์มีการตื่นตัวน้อยที่สุด ดังนั้น หากเราต้องมีความจำที่แหลมคม เราอาจต้องหาโรสแมรี่มาวางไว้ที่หน้าต่างตอนเช้า ๆ และหลีกเลี่ยงกลิ่นลาเวนเดอร์ก็เป็นได้
4. เล่นเกมฝึกสมอง การเล่นเกมให้สมองได้คิดเป็นการฝึกสมองอย่างหนึ่ง จากงานวิจัยของนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Stanford และมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย ค้นพบว่าการให้ผู้สูงอายุได้เล่นเกมที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ช่วยเพิ่มความจำและมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพต่อ หาภาพเหมือนและแตกต่าง การต่อคำศัพท์ และการแก้ปัญหาแบบเป็นตารางก็ช่วยได้มาก
5. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อน นับว่าเป็นการช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้นในวันทำงานถัดไป ช่วยให้สมองแจ่มใส คิดอะไรได้ฉับไว
6. เดินออกกำลังกายกระตุ้นสมอง การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและยังช่วยให้สมองส่วนความจำทำงานได้ดี จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Illinois พบว่าผู้สูงอายุ 60 คนที่มีอายุ 55 - 88 ปี ที่ออกกำลังกายโดยการเดิน 40 นาที ใน 3 วันต่อสัปดาห์ และออกกำลังกายแบบเต้นแอโรบิก เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มความจำที่ดีขึ้นด้วย
คงไม่มีใครอยากเป็นโรคความจำเสื่อม ดังนั้น การออกกำลังกายสมอง ไม่ว่าจะเป็นการดมกลิ่นโรสแมรี่ การรับประทานอาหารที่ดี การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับ การเล่นเกมฝึกสมอง หรือแม้กระทั่งการเคี้ยวหมากฝรั่ง ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่น่าลองทำ มาช่วยกันรักษาสุขภาพดีกว่าให้แข็งแรงดีกว่าค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอ
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.livescience.com/17756-6-fun-ways-sharpen-memory.html?li_source=pm&li_medium=more-from-livescience&li_campaign=related_test
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
