“ศิริราช” เร่งผลิตวัคซีนไรฝุ่น 3 รุ่นแรก คาดผลิตได้ในปีนี้ จ่อขึ้นทะเบียน อย. เผยน้ำยาทดสอบโรคภูมิแพ้ 8 ชนิด ขึ้นทะเบียนแล้วเรียบร้อย ตั้งเป้าจำหน่ายครบวงจรรายแรกในกลุ่มอาเชียน
ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ บุนนาค ที่ปรึกษาทีมวิจัยวัคซีนโรคภูมิแพ้ และศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โรคภูมิแพ้นับเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังในคนไทยที่สำคัญที่สุดโรคหนึ่ง จากสถิติความชุกของโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจในประเทศไทย พบว่า โรคภูมิแพ้ของทางเดินหายใจส่วนบน คือ โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ มีอยู่ประมาณร้อยละ 30 ของประชากรเท่ากับ 20 ล้านคน และโรคภูมิแพ้ของทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ โรคหืดภูมิแพ้ อีกประมาณ 4 ล้านคน ทำให้ที่ผ่านมารัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูงเป็นเงินกว่า 2,400 ล้านบาทต่อปี สาเหตุสำคัญมาจากภาวะภูมิแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ จากผลการศึกษาหลายแห่งพบตรงกันว่า “ไรฝุ่น” เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจมากที่สุด พบผู้ป่วยเด็กร้อยละ 70 ผู้ใหญ่ร้อยละ 70 - 90 และคนทั่วไปร้อยละ 30 ที่แพ้ไรฝุ่น ในขณะที่น้ำยาทดสอบและวัคซีนโรคภูมิแพ้ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศนั้นมีราคาแพง
ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือกับภาคเอกชนในการผลิต ตรวจสอบมาตรฐาน ขึ้นทะเบียน และจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ เมื่อปี 2550 ขณะนี้โรงงานผลิตวัคซีนโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นโรงงานแรกที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของประเทศไทย ได้สร้างเสร็จแล้ว และได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ผลิตวัคซีนไรฝุ่น 3 รุ่นแรกเพื่อรับการขึ้นทะเบียน โดยวัคซีนไรฝุ่นรุ่นแรกกำลังดำเนินการผลิต จึงคาดได้ว่าภายในปีนี้ วัคซีนไรฝุ่นทั้งสองสายพันธุ์ คือ Dermatophagoides pteronyssinus (Dp) และ Dermatophagoides farinae (Df) จะได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อจำหน่ายจาก อย. ซึ่งจากการสำรวจทั้งในและต่างประเทศ พบว่า ศิริราชเป็นรายแรกในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ผลิตวัคซีนไรฝุ่นเพื่อจำหน่ายอย่างครบวงจร โดยวัคซีนที่ผลิตจะได้มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา
“ขณะเดียวกัน ได้ดำเนินการขออนุญาตจำหน่ายชุดทดสอบภูมิแพ้จาก อย. เนื่องจากก่อนที่จะใช้วัคซีนเพื่อรักษาโรคภูมิแพ้ จำเป็นต้องทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังของผู้ป่วยก่อน เพื่อนำผลการทดสอบนั้นมายืนยันว่าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ จริง ซึ่งปัจจุบันได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายชุดทดสอบภูมิแพ้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงจะผลิตชุดทดสอบ (diagnostic kit) ออกมาจำหน่ายก่อน โดยระยะแรกจะผลิตชุดทดสอบที่ประกอบด้วยน้ำยาสกัดสารก่อภูมิแพ้ที่จำเป็น 8 ชนิด คือ 1. น้ำยาทดสอบภูมิแพ้ไรฝุ่น ชนิด Dp 2. น้ำยาทดสอบภูมิแพ้แพ้ไรฝุ่น ชนิด Df 3. น้ำยาทดสอบจากขนแมว 4. น้ำยาทดสอบจากขนสุนัข 5. น้ำยาทดสอบจากแมลงสาบ 6. น้ำยาทดสอบจากหญ้าขน (Para Grass) 7. น้ำยาทดสอบจากวัชพืชผักโขม (Careless Weed) และ 8. น้ำยาทดสอบจากเชื้อรา (Cladosporium spp.) ซึ่งผลจากการทดสอบจะเป็นแนวทางให้แพทย์สามารถให้คำแนะนำในการกำจัดหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้ได้อย่างถูกต้อง และหากมีข้อบ่งชี้ก็สามารถให้การรักษาโดยการฉีดวัคซีนต่อไปได้” ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ กล่าว
ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ กล่าวว่า การที่เราสามารถผลิตวัคซีนได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งการนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยคุณภาพที่เท่าเทียมกัน แต่ถูกกว่าราคาผลิตภัณฑ์นำเข้าประมาณร้อยละ 30 - 50 จะทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้า ขณะเดียวกัน ยังอาจเพิ่มรายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีสารก่อภูมิแพ้อย่างเดียวกัน และยังส่งผลให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ของไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงการตรวจรักษาตามมาตรฐานได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่