สธ. กำชับโรงพยาบาลติดตั้งเครื่องฉีดพ่นละอองฝอยน้ำ - พัดลมไอน้ำ ลดปริมาณฝุ่นควันไฟป่า ช่วยผู้ป่วยมาใช้บริการ เผยภาพรวมผู้เจ็บป่วยจากหมอกควันพบตาอักเสบเพิ่มร้อยละ 6 ภูมิแพ้เพิ่มร้อยละ 5 หลอดลมอักเสบและหอบหืด เพิ่มร้อยละ 4 แนะดื่มน้ำสะอาดขับฝุ่น
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนนั้น ได้ให้สถานพยาบาลทุกระดับจัดเวชภัณฑ์ ยา ให้พร้อมดูแลประชาชน 24 ชั่วโมง ซึ่งสถานการณ์ฝุ่นควันยังมีค่าเกินมาตรฐานทั้ง 9 จังหวัด สูงสุดที่เชียงใหม่ ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกระดับติดตั้งเครื่องฉีดพ่นน้ำละอองฝอย พัดลมไอน้ำ เพื่อดักฝุ่นละออง ลดผลกระทบจากหมอกควันให้ผู้เจ็บป่วยที่ไปตรวจรักษา และที่นอนในโรงพยาบาล
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ได้ให้สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 10 จ.เชียงใหม่ ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันอันตรายจากหมอกควัน และทำการเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้น 4 กลุ่มโรคที่มีโอกาสเจ็บป่วยระคายเคืองได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น หากผุ่นละอองมีความเข้มข้นสูงมาก ได้แก่ ตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจทุกชนิด และโรคผิวหนังผื่นคัน ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนรวม 84 แห่ง ตั้งแต่ ม.ค. 2558 เป็นต้นมา พบว่า จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างชัดเจน อันดับ 1 คือ ตาอักเสบ ตาแดง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โรคภูมิแพ้ เพิ่มร้อยละ 5 หอบหืดและหลอดลมอักเสบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เท่ากัน ทั้งหมดอาการไม่รุนแรง
ด้าน นพ.ไพศาล ธัญญาวินิชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันของเชียงใหม่ คาดว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนจะสูงถึง 377 - 388 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะช่วงกลางวัน ซึ่งทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคตาอักเสบ ผิวหนังผื่นคัน หลอดลมอักเสบ เจ็บคอ เพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยภูมิแพ้ และหอบหืดจะมีอาการกำเริบได้ง่าย ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 - 13 มี.ค. จำนวน 23,042 คน ซึ่งข้อมูลทางวิชาการพบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนที่เพิ่มขึ้นเกินค่ามาตรฐาน คือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 - 6
“ได้ให้สถานพยาบาลทุกแห่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมยา เวชภัณฑ์ วันนี้แจกหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 50,000 ชิ้น และสำรองไว้อีก 100,000 ชิ้น ทั้งนี้ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไป ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อช่วยขับฝุ่นออกจากร่างกาย หลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตูหน้าต่าง เพื่อกันฝุ่นควันเข้า บ้าน ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากภาคราชการ และหากเกิดอาการเจ็บป่วย เช่น หายใจติดขัด หอบหืด ไอ ใจสั่น แน่นหน้าอก แสบตา ขอให้ไปพบแพทย์” นพ.ไพศาล กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนนั้น ได้ให้สถานพยาบาลทุกระดับจัดเวชภัณฑ์ ยา ให้พร้อมดูแลประชาชน 24 ชั่วโมง ซึ่งสถานการณ์ฝุ่นควันยังมีค่าเกินมาตรฐานทั้ง 9 จังหวัด สูงสุดที่เชียงใหม่ ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกระดับติดตั้งเครื่องฉีดพ่นน้ำละอองฝอย พัดลมไอน้ำ เพื่อดักฝุ่นละออง ลดผลกระทบจากหมอกควันให้ผู้เจ็บป่วยที่ไปตรวจรักษา และที่นอนในโรงพยาบาล
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ได้ให้สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 10 จ.เชียงใหม่ ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันอันตรายจากหมอกควัน และทำการเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้น 4 กลุ่มโรคที่มีโอกาสเจ็บป่วยระคายเคืองได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น หากผุ่นละอองมีความเข้มข้นสูงมาก ได้แก่ ตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจทุกชนิด และโรคผิวหนังผื่นคัน ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนรวม 84 แห่ง ตั้งแต่ ม.ค. 2558 เป็นต้นมา พบว่า จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างชัดเจน อันดับ 1 คือ ตาอักเสบ ตาแดง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โรคภูมิแพ้ เพิ่มร้อยละ 5 หอบหืดและหลอดลมอักเสบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เท่ากัน ทั้งหมดอาการไม่รุนแรง
ด้าน นพ.ไพศาล ธัญญาวินิชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันของเชียงใหม่ คาดว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนจะสูงถึง 377 - 388 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะช่วงกลางวัน ซึ่งทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคตาอักเสบ ผิวหนังผื่นคัน หลอดลมอักเสบ เจ็บคอ เพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยภูมิแพ้ และหอบหืดจะมีอาการกำเริบได้ง่าย ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 - 13 มี.ค. จำนวน 23,042 คน ซึ่งข้อมูลทางวิชาการพบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนที่เพิ่มขึ้นเกินค่ามาตรฐาน คือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 - 6
“ได้ให้สถานพยาบาลทุกแห่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมยา เวชภัณฑ์ วันนี้แจกหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 50,000 ชิ้น และสำรองไว้อีก 100,000 ชิ้น ทั้งนี้ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไป ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อช่วยขับฝุ่นออกจากร่างกาย หลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตูหน้าต่าง เพื่อกันฝุ่นควันเข้า บ้าน ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากภาคราชการ และหากเกิดอาการเจ็บป่วย เช่น หายใจติดขัด หอบหืด ไอ ใจสั่น แน่นหน้าอก แสบตา ขอให้ไปพบแพทย์” นพ.ไพศาล กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
