“ประเทศไทยมีหลายแห่งที่ทำหุ่นจำลองขึ้นมาใช้เอง แต่ส่วนใหญ่จะใช้สีสังเคราะห์ ซึ่งหากสูดดมเป็นเวลานานก็อาจก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ หรือมะเร็งปอดได้ ดังนั้นจึงคิดที่จะนำกากกาแฟมาใช้ในการทำหุ่นจำลองสำหรับการแพทย์เพื่อให้มีสีใกล้เคียงกับสีผิวคนไทยมากที่สุด” น.ส.สุจิตรา นิยม นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขามีเดียทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพระจองเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวถึงผลงาน "การสร้างสีหุ่นจำลองยางพาราจากกากกาแฟให้ใกล้เคียงกับสีผิวคนไทย”
สำหรับการนำกากกาแฟมาใช้ในการผลิตหุ่นจำลองทางการแพทย์นั้น น.ส.สุจิตรา เล่าว่า กากกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าจะให้สีที่อ่อนกว่าโรบัสต้าและนำมาผสมเข้ากับรากยอ ซึ่งเป็นพืชที่ให้สีแดง โดยไม่ทำปฏิกิริยากับยางพาราเพื่อให้ได้สีที่ไม่เข้มเกินไป ผสมเข้ากับยางพาราในสัดส่วนต่างๆ และหล่อด้วยแม่พิมพ์รูปอวัยวะส่วนที่ที่ต้องการ พบว่า ได้หุ่นจำลองที่มีสีผิวใกล้เคียงกับผิวคนไทยถึง 3 ระดับ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากสถาบันโรคผิวหนังเป็นผู้ให้คำแนะนำ โดยสีของกากกาแฟจะเข้มขึ้นเมื่อโดนความร้อน และสีจะคงตัวใน 2 สัปดาห์ ส่วนยางจะหดตัว 20% หลังจากออกจากเตา 3 วัน และจะคงสภาพไปอีก 4 - 5 เดือน แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะต้นทุนไม่สูงและทำให้สถาบันการศึกษามีอุปกรณ์รองรับการเรียนการสอนได้อย่างทั่วถึง
“ทุกวันนี้มีคนเดินเข้าร้านกาแฟเพื่อสั่งกาแฟดื่มจำนวนมากเราจึงนำกากกาแฟที่เหลือทิ้งทุกวันมาสร้างสีหุ่นจำลองได้อย่างเสมือนสีผิวคนจริงๆ และกากกาแฟยังมีคุณสมบัติดูดกลิ่นของยางพาราได้ดี ช่วยให้หุ่นจำลองที่เพิ่งหล่อแห้งเร็วขึ้นกว่าเดิม ทนทาน และที่สำคัญไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ส่วนเรื่องสีปกติแล้วหุ่นจำลองจะถูกทำขึ้นเพื่อให้นักศึกษาแพทย์หรือพยาบาลใช้ระหว่างการเรียน เช่น ฝึกการฉีดยา เจาะเลือด หรือเย็บแผลก่อนที่จะลงมือกับคนไข้จริง”
ดังนั้น สีผิวของหุ่นจำลองที่ใกล้เคียงกับสีผิวคนมากนั้นมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้ฝึกทำให้เกิดความคุ้นเคยและลดความตื่นเต้นก่อนที่จะปฏิบัติกับคนไข้จริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นหุ่นจำลองยางพารามีเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับผิวมนุษย์กว่าซิลิโคน และทนทานต่อการใช้งานซ้ำแล้วซ้ำอีกมากกว่าซิลิโคน และที่สำคัญ การทำหุ่นจำลองยางพาราที่ใช้สีจากกากกาแฟหนึ่งแขนใช้งบประมาณเพียงสองร้อยบาทกว่าเท่านั้น เมื่อเทียบกับการนำเข้าหุ่นซิลิโคนที่มีราคาสูงถึงชิ้นส่วนละสองพันกว่าบาท
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
สำหรับการนำกากกาแฟมาใช้ในการผลิตหุ่นจำลองทางการแพทย์นั้น น.ส.สุจิตรา เล่าว่า กากกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าจะให้สีที่อ่อนกว่าโรบัสต้าและนำมาผสมเข้ากับรากยอ ซึ่งเป็นพืชที่ให้สีแดง โดยไม่ทำปฏิกิริยากับยางพาราเพื่อให้ได้สีที่ไม่เข้มเกินไป ผสมเข้ากับยางพาราในสัดส่วนต่างๆ และหล่อด้วยแม่พิมพ์รูปอวัยวะส่วนที่ที่ต้องการ พบว่า ได้หุ่นจำลองที่มีสีผิวใกล้เคียงกับผิวคนไทยถึง 3 ระดับ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากสถาบันโรคผิวหนังเป็นผู้ให้คำแนะนำ โดยสีของกากกาแฟจะเข้มขึ้นเมื่อโดนความร้อน และสีจะคงตัวใน 2 สัปดาห์ ส่วนยางจะหดตัว 20% หลังจากออกจากเตา 3 วัน และจะคงสภาพไปอีก 4 - 5 เดือน แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะต้นทุนไม่สูงและทำให้สถาบันการศึกษามีอุปกรณ์รองรับการเรียนการสอนได้อย่างทั่วถึง
“ทุกวันนี้มีคนเดินเข้าร้านกาแฟเพื่อสั่งกาแฟดื่มจำนวนมากเราจึงนำกากกาแฟที่เหลือทิ้งทุกวันมาสร้างสีหุ่นจำลองได้อย่างเสมือนสีผิวคนจริงๆ และกากกาแฟยังมีคุณสมบัติดูดกลิ่นของยางพาราได้ดี ช่วยให้หุ่นจำลองที่เพิ่งหล่อแห้งเร็วขึ้นกว่าเดิม ทนทาน และที่สำคัญไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ส่วนเรื่องสีปกติแล้วหุ่นจำลองจะถูกทำขึ้นเพื่อให้นักศึกษาแพทย์หรือพยาบาลใช้ระหว่างการเรียน เช่น ฝึกการฉีดยา เจาะเลือด หรือเย็บแผลก่อนที่จะลงมือกับคนไข้จริง”
ดังนั้น สีผิวของหุ่นจำลองที่ใกล้เคียงกับสีผิวคนมากนั้นมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้ฝึกทำให้เกิดความคุ้นเคยและลดความตื่นเต้นก่อนที่จะปฏิบัติกับคนไข้จริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นหุ่นจำลองยางพารามีเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับผิวมนุษย์กว่าซิลิโคน และทนทานต่อการใช้งานซ้ำแล้วซ้ำอีกมากกว่าซิลิโคน และที่สำคัญ การทำหุ่นจำลองยางพาราที่ใช้สีจากกากกาแฟหนึ่งแขนใช้งบประมาณเพียงสองร้อยบาทกว่าเท่านั้น เมื่อเทียบกับการนำเข้าหุ่นซิลิโคนที่มีราคาสูงถึงชิ้นส่วนละสองพันกว่าบาท
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่