บอร์ด สพฉ. ตั้งอนุฯพัฒนาระบบแพทย์ฉุกเฉินร่วม 3 กองทุน หวังเกิดค่ารักษาสมเหตุสมผล ไม่สร้างภาระประชาชน ชี้ รพ. ทั่วประเทศต้องสร้างระบบแยกผู้ป่วยฉุกเฉิน กึ่งฉุกเฉินออกจากผู้ป่วยทั่วไป มีกติกาเรื่องเงินที่ชัดเจน ลั่นสร้างระบบดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินหลัง 72 ชั่วโมงภายใน 1 เดือน ก่อนเสนอ ครม.
วันนี้ (22 พ.ค.) นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา รพ.เอกชน เรียกเก็บเงินค่ารักษากรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ขณะนี้มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (บอร์ด สพฉ.) ได้ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 1 ชุด เพื่อพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับ 3 กองทุนสุขภาพ รพ.รัฐ และ เอกชน โดยมีกติกาที่ชัดเจน ไม่สร้างภาระทางการเงินแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน และจะช่วยให้เกิดค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผลมากขึ้น สำหรับการพัฒนานโยบายสิทธิ์ป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ดีทุกสิทธิ ทั่วประเทศจะต้องจัดรับบคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉิน กึ่งฉุกเฉินออกจากผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งหากพื้นที่ใดมีความพร้อมพัฒนาเข้าสู่ระบบได้เร็วจะให้เป็นแบบอย่างและช่วยเหลือพื้นที่อื่นๆ ส่วนเรื่องเงินจะต้องมีกติกาที่ชัดเจนและมีความพร้อมทุกสถานการณ์
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ต้องสร้างระบบดูแลต่อเนื่องผู้ป่วยฉุกเฉินหลัง 72 ชั่วโมงแรก จะพยายามปรับให้เข้าสู่ระบบให้ได้ แม้จะมีความยุ่งยาก โดยคาดว่าจะได้แนวทางที่ชัดเจนภายใน 1 เดือนนี้ และจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด จากนั้นจะเริ่มลงมือปฏิบัติการและพัฒนาระบบไปเรื่อยๆ รวมทั้งจะหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของมติครม.ให้ราคาบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่อยู่ในรายการที่ต้องควบคุมราคาและมีมาตรการตามรูปแบบระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่จะพัฒนาขึ้นโดยคณะอนุกรรมการด้วย
“สำหรับสาเหตุค่ารักษาพยาบาล รพ.เอกชน ที่แพง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากทุกแหล่ง ซึ่งมีองค์ประกอบจากหลายปัจจัย ไม่เฉพาะค่ายาอย่างเดียว อาจมีทั้งค่าบริการ ค่าดูแล รวมทั้งปริมาณตัวยา วัสดุและการตรวจที่เกิดขึ้น แต่ในระหว่างนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เชิญ โรงพยาบาลเอกชนเดินหน้าทำระบบให้ประชาชนสามารถทราบและเปรียบเทียบราคาค่ายาและค่าบริการที่มีอยู่ โดยมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพหารือกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อจัดทำระบบข้อมูลให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้” รมช.สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (22 พ.ค.) นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา รพ.เอกชน เรียกเก็บเงินค่ารักษากรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ขณะนี้มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (บอร์ด สพฉ.) ได้ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 1 ชุด เพื่อพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับ 3 กองทุนสุขภาพ รพ.รัฐ และ เอกชน โดยมีกติกาที่ชัดเจน ไม่สร้างภาระทางการเงินแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน และจะช่วยให้เกิดค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผลมากขึ้น สำหรับการพัฒนานโยบายสิทธิ์ป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ดีทุกสิทธิ ทั่วประเทศจะต้องจัดรับบคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉิน กึ่งฉุกเฉินออกจากผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งหากพื้นที่ใดมีความพร้อมพัฒนาเข้าสู่ระบบได้เร็วจะให้เป็นแบบอย่างและช่วยเหลือพื้นที่อื่นๆ ส่วนเรื่องเงินจะต้องมีกติกาที่ชัดเจนและมีความพร้อมทุกสถานการณ์
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ต้องสร้างระบบดูแลต่อเนื่องผู้ป่วยฉุกเฉินหลัง 72 ชั่วโมงแรก จะพยายามปรับให้เข้าสู่ระบบให้ได้ แม้จะมีความยุ่งยาก โดยคาดว่าจะได้แนวทางที่ชัดเจนภายใน 1 เดือนนี้ และจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด จากนั้นจะเริ่มลงมือปฏิบัติการและพัฒนาระบบไปเรื่อยๆ รวมทั้งจะหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของมติครม.ให้ราคาบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่อยู่ในรายการที่ต้องควบคุมราคาและมีมาตรการตามรูปแบบระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่จะพัฒนาขึ้นโดยคณะอนุกรรมการด้วย
“สำหรับสาเหตุค่ารักษาพยาบาล รพ.เอกชน ที่แพง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากทุกแหล่ง ซึ่งมีองค์ประกอบจากหลายปัจจัย ไม่เฉพาะค่ายาอย่างเดียว อาจมีทั้งค่าบริการ ค่าดูแล รวมทั้งปริมาณตัวยา วัสดุและการตรวจที่เกิดขึ้น แต่ในระหว่างนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เชิญ โรงพยาบาลเอกชนเดินหน้าทำระบบให้ประชาชนสามารถทราบและเปรียบเทียบราคาค่ายาและค่าบริการที่มีอยู่ โดยมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพหารือกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อจัดทำระบบข้อมูลให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้” รมช.สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
