หนังไทย ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

เนืองแน่นไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ บางยืนเข้าคิวตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรอเข้าชมภาพยนตร์ บางก็เดินตามชมภาพยนตร์ตัวอย่าง โปสเตอร์ ตามบูธกว่า 50 ประเทศ นี่คือบรรยากาศเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 68 สาธารณรัฐฝรั่งเศส จัดขึ้นวันที่ 13-24 พฤษภาคมนี้

ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม บอกว่า ส่วนของไทยเข้าร่วมเทศกาลนี้มา 10 ปีแล้ว แต่ปีนี้พิเศษกว่าทุกปี ที่ 4 หน่วยงานของรัฐ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ รวมพลังในฐานะ “ทีมประเทศไทย” (Thailand Team) เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย โดยผลักดันภาพยนตร์ไทย บุคคลกรด้านภาพยนตร์ของไทยให้ก้าวสู่เวทีการเผยแพร่และการเจรจาธุรกิจในระดับนานาชาติ

โดยมีโครงการสร้างภาพยนตร์เพื่อการร่วมทุน (Thai Film Pitching Project 2015) ซึ่งใช้ศาลาไทย (Thailand Pavilion) บริเวณหมู่บ้านนานาชาติ (International village เป็นสถานที่นัดพบระหว่างผู้สนับสนุนผู้อำนวยการสร้างและผู้สร้างภาพยนตร์ เจรจาด้วยกัน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. อังเคิล โฮ ของคุณเกษมศักดิ์ วงศ์รัฐปัญญา 2. สุริยา ลูกทุ่ง โดยคุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง และ 3. ซิดนีย์ โดยคุณวสุนันท์ หุตเวช ทั้งนี้การเจรจาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นร่วมทุน ทั้ง 2 ฝ่ายอาจจะต้องคุยกันหลายครั้งจนกว่าจะได้ข้อสรุป
นอกจากนี้ ศาลาไทย เป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ขณะเดียวกัน เสนอเรื่องนั้น เส้นทางรัก (#Love En Route) ของกระทรวงวัฒนธรรม ชี้ให้เห็นเสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวอันสวยงาม รวมทั้งประเพณีวัฒนธรรมไทย อีกทั้งยังนำเสนอภาพยนตร์สั้นที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวด ได้แก่ เรื่อง 7 ½ และเรื่อง น่านในความทรงจำ (North Peace)

ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ปีนี้ มีภาพยนตร์ที่ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าฉายและประกวดจำนวน 53 เรื่องจากทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือภาพยนตร์เรื่อง รักที่ขอนแก่น หรือ Cemetery of Splendour ของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับชาวไทย ที่ได้รับคัดเลือกเข้าฉาย ใน Un Certain Regard หรือสายภาพยนตร์ที่น่าจับตามอง เป็นเรื่องราวของแม่บ้านวัยกลางคนผู้โดดเดี่ยว ซึ่งรับหน้าที่คอยพยาบาลและดูแลทหารนายหนึ่ง ซึ่งป่วยจนนอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรา กระทั่งเขาดิ่งจมลงไปในอาการหลอน ที่นำไปสู่การมองเห็นภาพฝันอันแปลกประหลาด ภูตผีต่าง ๆ ตลอดจนเรื่องราวความรัก

ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า หลายปีมานี้ มีภาพยนตร์หลายเรื่องเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ภายหลังภาพยนตร์เผยแพร่สู่สายตาผู้ชม หลายคนหลงเสน่ห์ธรรมชาติ อาหารไทย วัฒนธรรมไทย เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ส่งผลให้ไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยว

ด้าน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ในปัจจุบันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดไทย และในตลาดโลก โดยปีที่แล้วรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์มีมูลค่ากว่า 34 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติในประเทศไทย มีมูลค่าสูงถึง 58 ล้านดอลลาร์ ชี้ชัดว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จากความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศไทยพร้อมที่จะประกาศจุดยืนในการเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ และศูนย์กลางด้านโปรดักชัน

...ภาพยนตร์นอกจากสร้างสุนทรียะให้กับผู้ชมแล้ว ยังเป็นภาพสะท้อนวิถีชีวิต สังคม การเมือง เศรษฐกิจ ที่สำคัญยังเป็นทูตวัฒนธรรม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศสู่สายตาชาวโลกแล้ว สถานที่ถ่ายทำของไทยเพียงไม่กี่วินาที เป็นแม่เหล็ก มีมนต์เสน่ห์จูงใจให้ชาวไทย ต่างชาติ เดินทางมาสัมผัสธรรมชาติด้วย

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่