หลังจากเปียกชุ่มฉ่ำกับเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว ประเทศไทยยังมีงานมหกรรมวัฒนธรรม “ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่าง 17 - 21 เมษายน ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ว่างานนี้มีไฮไลต์ให้ตื่นตาตื่นใจบ้าง นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เล่าให้ฟังว่า วธ. ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายด้านวัฒนธรรม จัดงานนี้ขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี แห่งการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งจะมีวาระครบ 233 ปี จึงจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ตามประเพณีไทย ในวันที่ 18 เมษายน จะมีการจัดริ้วขบวนใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ นำเสนอเหตุการณ์สำคัญ ความเป็นอยู่ และศิลปวัฒนธรรม ในแต่ละรัชสมัยของพระมหากษัตริย์ ทั้ง 9 รัชกาล โดยหัวขบวนจะเริ่มตั้งแต่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ถึงท้องสนามหลวง มีความยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร และมีคณะนักแสดงกว่า 2,000 คน
นอกจากนี้ ในแต่ละวันยังมีการจัดการละเล่นของหลวง ที่มีมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา ถึงกรุงรัตนโกสินทร์ การแสดงทางวัฒนธรรมโบราณที่หาชมได้ยาก อาทิ โมงครุ่ม หรือ มงครุ่ม กุลาตีไม้ กระตั้วแทงเสือ การแสดงลีลาศ จำนวนคู่มากที่สุด ในวันที่ 19 เม.ย. เวลา 19.00 น. การแสดงมหกรรมโขนชุดใหญ่ที่สุดในโลก ในวันที่ 21 เม.ย.เวลา 20.00 น. ทั้งนี้ คาดหวังให้กินเนสส์บุ๊กจดบันทึกประวัติศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง อมตะนครอมรรัตนโกสินทร์ การไหว้พระ 9 วัด สืบสิริสวัสดิ์ 9 รัชกาล การประกวดสตรีศรีรัตนโกสินทร์ เพื่อทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น การฉายภาพยนตร์ย้อยยุค การจัดนิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องกรุงรัตนโกสินทร์
ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัด วธ. กล่าวว่า วธ. ร่วมกับสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ จัดการสาธิตและจำหน่ายของดีบ้านฉัน ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) 76 จังหวัด และ 50 เขตกรุงเทพมหานคร โดยผลิตภัณฑ์และบริการสะท้อนภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กว่า 200 รายการ ได้แก่ ผ้าทอศรีสัชนาลัย เครื่องทองโบราณสุโขทัย ผ้ากุดกวางสร้อยหนองบัวลำภู ส้มตำ ผัดไทย เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีการสาธิต การทำอาหาร เช่น ขนมกุฎีจีน ข้าวโพดคั่ว ข้าวแช่ นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการทำบาตร ขันลงหิน และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมกันนี้ สิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานไม่ควรพลาดโอกาสชม การเล่นว่าว จะเป็นการจัดแสดงว่างจุฬาและปักเป้าต่อสู้กัน รวมทั้งจัดแสดงว่าวนานาชาติและว่าวไฟฟ้า กว่า 233 ตัว อย่างไรก็ดี หากท่านใดอยากได้ว่าวติดไม้ติดมือกลับบ้าน งานนี้จะมีซุ้มให้ผู้สนใจทำว่าวด้วยสองมือของตัวเอง ทำเสร็จแล้วนำกลับไปเป็นที่ระลึกที่ได้ด้วย
ส่วนการแสดงสุดยอดศิลปวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วย มหกรรมภาพยนตร์ย้อนยุคฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญของกรุงเทพฯบนรถโรงหนัง มหกรรมโขน รำวงและลีลาศย้อนยุค โดยวงสุนทราภรณ์ ครั้งใหญ่ และการแสดงพื้นบ้านสี่ภาค
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความรู้ ความเข้าใจถึงประวัติความเป็นมาของการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วันละ 2 รอบ วันที่ 19 - 21 เม.ย. โดยจะมีรถบัสปรับอากาศนำชม อาทิ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร หอประติมากรรมต้นแบบ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติศิลป์ พีระศรีอนุสรณ์ ท่าช้าง ท่าราชวรดิฐ มิวเซียมสยาม ศาลฎีกา และศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม ทั้งนี้ผู้สนใจสอบถามได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765 และเว็บไซต์ วธ. www.m-culture.go.th
... งานฉลอง 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งชาวไทย ต่างชาติ ไม่ควรพลาด และขอกระซิบใครอยากแต่งกายย้อนยุคงานนี้มีชุดไทยสมัยรัตนโกสินทร์ให้สวมใส่เพื่อแชะเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
