ที่ประชุมสภาซีเมค เสนอ 5 ประเด็นสำคัญเป็นแนวทางพัฒนาการศึกษา "ณรงค์" ในฐานะประธานสภา มุ่งสานต่องานและแก้ไขปัญหา
วันนี้ ( 8 พ.ค. ) ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช ชลบุรี พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีเมค)ครั้งที่ 48 ว่า ที่ประชุมซีเมคได้เห็นชอบงบประมาณการดำเนินงานขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ซีมีโอ และศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอ ปี 2558 -2559และรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานขององค์การซีมีโอที่จะดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายอื่นๆ เช่น โครงการ SEAMEO Collegeซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาการศึกษาในทุกระดับ การพัฒนาปรับปรุงการจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษาของประเทศสมาชิกซีมีโอ เป็นต้น
นอกจากนั้น ในการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี ได้มีอภิปรายถึงทิศทางการเรียนการสอนที่มีพลวัตรตามการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อวางแนวทางเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านการศึกษาในช่วง 10 ปี ข้างหน้า โดยที่ประชุมมีข้อเสนอแนะใน 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การใช้ประโยชน์จากศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านจำนวน 21 แห่ง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาค 2. การเชื่อมโยงประเด็นระดับภูมิภาคไปสู่การศึกษาเพื่อเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ 3.การสนับสนุนการพัฒนาและสร้างมาตรฐานสมรรถนะของครู 4.สนับสนุนการเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนด้านความรู้และทักษะฝีมือในทุกระดับ และ5. การส่งเสริมบทบาทสถาบันครอบครัวในการจัดการศึกษา อย่างไรก็ตาม ในการประชุมซีเมคครั้งที่ 49 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพ.ค. ปี2560ที่ประเทศอินโดนีเซีย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับรัฐมนตรีศึกษาในแต่ละประเทศพบว่า ทุกประเทศต่างมีปัญหาคล้ายๆกัน คือ เรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คุณภาพครู ซึ่งทุกประเทศเห็นว่าไทยมีแนวทางในการพัฒนาและแก้ปัญหาดังกล่าวโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในแก้ปัญหาการจัดการศึกษา เช่น การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นต้น นอกจากนั้น รัฐมนตรีศึกษาทุกประเทศเห็นตรงกันว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการจัดอาชีวศึกษา โดยมีความร่วมมือกับภาคเอกชน จัดการศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งจากการประชุมทวิภาคี 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ติมอร์ เลสเต้ สิงคโปร์ และสปป.ลาว ก็ให้ความสำคัญและจำเป็นที่ต้องส่งเสริมการจัดการศึกษาอาชีวะ โดยทั้ง 5 ประเทศจะข้อมาศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านการจัดการอาชีวศึกษาของไทย รวมถึงประเทศมาเลเซีย ให้ความสนใจในเรื่องการจัดการของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือม.นอกระบบ ของไทย โดยจะขอไปศึกษาดูงานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ความตั้งใจที่จะดำเนินงานต่อในฐานะประธานซีเมคช่วงระยะ 2ปี ผมจะสานต่องานที่ทางองค์การซีมีโอได้ขับเคลื่อนไปแล้ว รวมถึงแก้ปัญหาด้านการศึกษา ที่ทุกประเทศได้ให้ความสำคัญ อย่างการพัฒนาครู และสถาบันผลิตครู โดยจะแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมและกระจายไปประเทศต่างๆ อีกทั้งจะไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ต่างๆ เพื่อรับทราบถึงปัญหาและอุปสรรค จะได้เข้าไปช่วยแก้ไข เพราะการทำงานของศูนย์ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศที่ศูนย์ตั้งอยู่ แต่ต้องทำงานร่วมกันในหลายๆ ศูนย์”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ ( 8 พ.ค. ) ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช ชลบุรี พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีเมค)ครั้งที่ 48 ว่า ที่ประชุมซีเมคได้เห็นชอบงบประมาณการดำเนินงานขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ซีมีโอ และศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอ ปี 2558 -2559และรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานขององค์การซีมีโอที่จะดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายอื่นๆ เช่น โครงการ SEAMEO Collegeซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาการศึกษาในทุกระดับ การพัฒนาปรับปรุงการจัดทำฐานข้อมูลด้านการศึกษาของประเทศสมาชิกซีมีโอ เป็นต้น
นอกจากนั้น ในการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี ได้มีอภิปรายถึงทิศทางการเรียนการสอนที่มีพลวัตรตามการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อวางแนวทางเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านการศึกษาในช่วง 10 ปี ข้างหน้า โดยที่ประชุมมีข้อเสนอแนะใน 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การใช้ประโยชน์จากศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านจำนวน 21 แห่ง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาค 2. การเชื่อมโยงประเด็นระดับภูมิภาคไปสู่การศึกษาเพื่อเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ 3.การสนับสนุนการพัฒนาและสร้างมาตรฐานสมรรถนะของครู 4.สนับสนุนการเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนด้านความรู้และทักษะฝีมือในทุกระดับ และ5. การส่งเสริมบทบาทสถาบันครอบครัวในการจัดการศึกษา อย่างไรก็ตาม ในการประชุมซีเมคครั้งที่ 49 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพ.ค. ปี2560ที่ประเทศอินโดนีเซีย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับรัฐมนตรีศึกษาในแต่ละประเทศพบว่า ทุกประเทศต่างมีปัญหาคล้ายๆกัน คือ เรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คุณภาพครู ซึ่งทุกประเทศเห็นว่าไทยมีแนวทางในการพัฒนาและแก้ปัญหาดังกล่าวโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในแก้ปัญหาการจัดการศึกษา เช่น การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นต้น นอกจากนั้น รัฐมนตรีศึกษาทุกประเทศเห็นตรงกันว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการจัดอาชีวศึกษา โดยมีความร่วมมือกับภาคเอกชน จัดการศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งจากการประชุมทวิภาคี 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ติมอร์ เลสเต้ สิงคโปร์ และสปป.ลาว ก็ให้ความสำคัญและจำเป็นที่ต้องส่งเสริมการจัดการศึกษาอาชีวะ โดยทั้ง 5 ประเทศจะข้อมาศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านการจัดการอาชีวศึกษาของไทย รวมถึงประเทศมาเลเซีย ให้ความสนใจในเรื่องการจัดการของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือม.นอกระบบ ของไทย โดยจะขอไปศึกษาดูงานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ความตั้งใจที่จะดำเนินงานต่อในฐานะประธานซีเมคช่วงระยะ 2ปี ผมจะสานต่องานที่ทางองค์การซีมีโอได้ขับเคลื่อนไปแล้ว รวมถึงแก้ปัญหาด้านการศึกษา ที่ทุกประเทศได้ให้ความสำคัญ อย่างการพัฒนาครู และสถาบันผลิตครู โดยจะแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมและกระจายไปประเทศต่างๆ อีกทั้งจะไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ต่างๆ เพื่อรับทราบถึงปัญหาและอุปสรรค จะได้เข้าไปช่วยแก้ไข เพราะการทำงานของศูนย์ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศที่ศูนย์ตั้งอยู่ แต่ต้องทำงานร่วมกันในหลายๆ ศูนย์”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
