คตร. ประเดิมเข้าตรวจสอบ สกสค. ที่แรกพรุ่งนี้ 29 เม.ย. “กำจร” กำชับ สกสค.- องค์การค้าฯ - คุรุสภา จัดคนดูแลเอกสาร และจัดเวรยามดูแลอาคารสถานที่และป้องกันไฟไหม้ หวั่นเกิดกรณีเคลื่อนย้าย ทำลายเอกสาร เหตุคนทำงานยังเป็นคนชุดเก่า
วันนี้ (28 เม.ย.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ว่า ทาง คตร. โดย พล.อ.รณชัย มัญชุสุนทรกุล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) ฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการ กห. พร้อมคณะ 15 คน เดินทางมาประสานเพื่อขอข้อมูลของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และองค์การค้า ของ สกสค. ซึ่งครั้งนี้ตนได้เชิญ นายกมล ศิริบรรณ รองปลัด ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ คุรุสภา นายพินิศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. และ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ เข้ามาให้ข้อมูลกับทาง คตร. ส่วนตนก็ให้ข้อมูลถึงปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 หน่วยงานด้วย เบื้องต้นทาง คตร. แจ้งว่า จะเข้ามาตรวจสอบเอกสารการเงิน การบัญชี การจัดซื้อจัดจ้างเป็นหลักและจะเริ่มเข้าตรวจสอบการดำเนินงานของ สกสค.เป็นที่แรกในวันที่ 29 เมษายนนี้ คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หรือจนกว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จ
“ความจริง คตร. มีข้อมูลทั้ง 3 หน่วยงานอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่เนืองๆ โดย คตร. ให้ความสนใจเกี่ยวกับการเงินของ สกสค. ที่มีมูลค่ามากและปัญหาหนี้สินครูที่เกิดจากการกู้ยืมเงิน รวมถึงปัญหาต่างๆ ส่วนการตรวจสอบองค์การค้าฯ และคุรุสภา ก็คงดำเนินการไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตาม ผมได้กำชับทั้ง 3 หน่วยงานให้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องเอกสารอย่าให้สูญหาย รวมทั้งเพิ่มเวรยามดูแลอาคารสถานที่ และความปลอดภัยอย่าให้เกิดเหตุอัคคีภัยขึ้นมาเด็ดขาด ความจริงได้กำชับเรื่องนี้ไปแต่ต้นเพียงแต่เวลานี้ คตร. กำลังจะเข้าไปตรวจสอบ อีกทั้งเวลานี้เราส่งแค่เพียงปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ผอ.องค์การค้าฯ และเลขาธิการ คุรุสภา เข้าไปทำงาน แต่บุคคลที่ทำงานภายในยังเป็นชุดเดิมทั้งหมด จึงเป็นกังวลว่าหลักฐานเอกสาร อาจถูกเคลื่อนย้ายหรือทำลายได้ จึงได้กำชับเป็นพิเศษ”รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า นอกจากนี้ ตนได้แจ้ง คตร. ด้วยว่าหากมีข้อมูลว่ามีการจ่ายเงินให้กับผู้บริหาร ศธ.ก็ขอให้ข้อมูลแก่ตนด้วย
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ สกสค. เร่งตรวจสอบกรณีคณะกรรมการบริหารกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) นำเงินของกองทุน ช.พ.ค.ไปลงทุนกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อำเภอหนองหญ้าป้อง จังหวัดเพชรบุรี พื้นที่ 1,200 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2556 มูลค่า 2,100 ล้านบาท โดยให้ยุติการทำนิติกรรมทุกเรื่อง และให้ บ.บิลเลี่ยนฯ นำเงินมาคืน เพราะเท่าที่ทราบการลงทุนทำโรงไฟฟ้าฯ ยังไม่มีการทำข้อตกลงก็ต้องนำเงินมาคืน เพราะขณะนี้เงินอยู่ที่สถาบันการเงินไม่ได้อยู่ที่ สกสค. แต่หากมีการลงนามไปแล้วผู้ลงนามก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนโครงการอื่นๆ ก็ให้ระงับไว้และไปตรวจสอบทั้งหมด ยกเว้นโครงการที่เกิดประโยชน์แก่สมาชิกครู
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่