กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จัดค่ายเยาวชนสมานฉันท์ ระหว่าง 20 - 23 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 100 คน
คราวนี้ลองมาฟังเสียง นายธนากร มูซอ นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนอิสลามสันติ ตัวแทนศาสนาอิสลาม หนึ่งในผู้ร่วมเข้าค่าย เล่าว่า เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายเยาวชนสมานฉันท์ครั้งนี้ จะนับถือศาสนาต่างกัน ต่างสถานศึกษา แต่พวกเรามีหลายอย่างเหมือนกัน ทุกคนเชื้อชาติไทย ทานข้าวเป็นอาหารหลัก ส่วนเมนูอาหารอาจต่างกันบ้าง สิ่งเหล่านี้พวกเราสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของกันและกัน สามารถพักและทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุข
นายธนากร เล่าว่า ผมไม่เคยร่วมกิจกรรมค่าย ต่างศาสนาหลายศาสนาแบบนี้มาก่อน คิดว่าจะปรับตัวจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ช่วงแรกรู้สึกกังวลเล็กน้อย พอกรมการศาสนา พาไปวัดประยุรวงศาวาส ซึ่งรอบวัดแห่งนี้เป็นชุมชนที่มีลักษณะเด่น มีทั้งคนนับถือศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ที่สำคัญผมได้เห็นความมีน้ำใจของคนในชุมชนเขาเอื้อเฟื้อแก่กัน เห็นรอยยิ้ม หัวเราะ ผมขอสรุปว่าเป็นชุมชนตัวอย่างที่ดีมาก
“พอเห็นตัวอย่างการอยู่ร่วมกันของชุมชนแห่งนี้ รู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อมาเข้าค่ายทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนเราจะช่วยกัน แบ่งหน้าที่กัน มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้หรือไม่ควรทำ เพื่อไม่ให้ผิดหลักศาสนาและเป็นการให้เกียรติเพื่อนต่างๆ ศาสนาด้วย” นายธนากร เล่า
สำหรับกิจกรรมที่ประทับใจสุดๆ ตอนที่ลงแปลงนาช่วยกันดำข้าว ขณะเดียวกันได้เรียนรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมตั้งใจว่าหลังกิจกรรมค่ายครั้งนี้จะกลับไปเล่าความประทับใจ และความรู้ที่ไม่มีในห้องเรียนให้พ่อแม่ ญาติพี่น้องและเพื่อนที่โรงเรียนฟัง
ด้าน น.ส.รติรัตน์ ซิงค์ นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนฤทธิณรงค์รอน ตัวแทนจากศาสนาฮินดู กล่าวว่า การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะทำให้เปิดโลกกว้าง เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้เพื่อนในโรงเรียนได้ทราบ และเกิดความเข้าใจในวัฒนธรรมของศาสนาอื่น นอกจากนี้ยังได้เพื่อนใหม่ที่ต่างศาสนาทำให้กล้าที่จะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันเกิดความสามัคคีและได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์
พระพรหมบัณฑิต(ประยูร ) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ในฐานะอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า การส่งเสริมศาสนิกสัมพันธ์ให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการไม่ดูถูกหรือดูหมิ่นศาสนาความศรัทธาของผู้อื่น ไม่ก้าวล่วงกัน เคารพในความแตกต่างๆในวิถีของกันและกัน จึงจะทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ซึ่งการนำเยาวชนมาทัศนศึกษาที่ชุมชนกุฎีจีน ถือเป็นแบบอย่างของชุมชนชาวต่างชาติที่อยู่ร่วมกันแบบสามัคคีทั้ง พุทธ คริสต์ อิสลาม มากว่า 200 ปี เด็กแต่ละศาสนาจะได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง ว่าการอยู่ร่วมกันของศาสนิกของแต่ละศาสนาที่ยอมรับในวิถีที่แตกต่างแต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข เพื่อให้เด็กได้เข้าใจและนำไปปรับใช้กับชีวิต สังคมของตนเองได้
นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ศน. ได้จัดค่ายเยาวชนสมานฉันท์ มาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่ 10 แล้ว ทั้งนี้ จากการประเมินผลภาพรวมของการดำเนินงานทั่วประเทศ พบว่า โครงการนี้ได้มีการสร้างเด็กและเยาวชนของ 5 ศาสนา เพื่อเป็นต้นแบบของการเผยแพร่หลักธรรมคำสั่งสอนของ 5 ศาสนา ไปยังนักเรียนในสถานศึกษาต่างๆ ให้ได้เรียนรู้ และสร้างความเข้าใจในศาสนิกสัมพันธ์ เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข สำหรับปีนี้ ศน. ได้มุ่งเน้นให้เยาวชนที่เข้าค่ายทุกคนได้เรียนรู้ และสร้างความเข้าใจ ใน 3 สถาบันหลัก ทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยจะได้ฝึกอบรมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น รวมทั้งหลักปฏิบัติของ 5 ศาสนา และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
... เสียงขานรับของเยาวชน คงสร้างแรงใจให้ ศน. เดินหน้าจัดค่ายสมานฉันท์ต่อไป พร้อมหาสถานที่และกิจกรรมใหม่ๆ ให้แก่เยาวชนได้เรียนรู้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
