รมช.สธ. ชี้เทคโนโลยีแช่แข็งแค่ “ขายฝัน” แต่ยอมรับเป็นสิทธิที่แต่ละคนเลือกจะทำ ขอพิจารณากันเองให้ถี่ถ้วน หวั่นธุรกิจเก็บสเต็มเซลล์ฉวยโอกาส จ่อออก กม. สเต็มเซลล์
วันนี้ (21 เม.ย.) นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณี “น้องไอนส์” ด.ญ.เมทรินทร์ เนาวรัตน์พงษ์ อายุ 2 ขวบ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง โดย ดร.สหธรณ์ เนาวรัตน์พงษ์ ผู้เป็นพ่อส่งศพไปแช่แข็งที่สหรัฐอเมริกา ว่า เทคโนโลยีแช่แข็งเพื่อหวังโอกาสการรักษาในอนาคตหรือฟื้นชีวิตมีการพูดมานานแล้ว แต่ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นการแช่แข็งเฉพาะส่วนศีรษะ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงในแวดวงวิชาการว่าเพื่อประโยชน์อะไร ส่วนการแช่ตัวเพื่อหวังฟื้นคืนชีวิตยังเป็นเรื่องอีกไกล อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครจะแช่แข็งอะไรก็เป็นสิทธิ แต่ก็ต้องให้ความรู้ตามหลักวิชาการ เพราะจริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องการขายฝัน เช่นเดียวกับกลุ่มบริษัทที่เรียกเก็บสเต็มเซลล์ก็คล้ายกันในการให้บริการที่ให้ความหวัง และเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่ามาก ซึ่งทางวิชาการก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเก็บไปแล้วจะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือค่าใช้จ่ายสูงมาก การจะไปห้ามเปิดคงทำไม่ได้ ทำได้แค่ให้ความรู้ ซึ่งผู้เปิดบริการก็ต้องให้ความรู้ที่แท้จริงด้วย และอย่าชักจูงมากเกินไป ทั้งนี้ สธ.จะมีการหารือเพื่อออกมาตรการให้ความรู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีแช่แข็งน้องไอนส์ส่งผลให้มีกลุ่มบริษัทเอกชนฉวยโอกาสขายโฆษณา และให้บริการสเต็มเซลล์ปลูกถ่ายอวัยวะในอนาคต นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะหารือกับทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ว่า เรื่องธุรกิจเก็บสเต็มเซลล์ควรมีมาตรฐานอย่างไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างผลักดันร่าง พ.ร.บ.สเต็มเซลล์ แต่ค่อนข้างยาก เพราะมีการถกเถียงกันมาก มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีเรื่องการรักษาด้วยเซลล์ ซึ่งไม่ใช่สเต็มเซลล์ ต้องใช้เวลาอีกมาก
“เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับชีวิตก้าวหน้ารวดเร็วมาก นำไปสู่การมีจินตนาการ และคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งแม้จะอยู่ในฐานวิชาการ แต่ความเป็นจริงก็เป็นอีกเรื่อง ดังนั้น ต้องยอมรับว่าแม้จะรู้ว่าเป็นความหวังเล็กน้อย แต่มีปัญญาจ่ายก็คงอยากลอง แต่หากประชาชนที่อยู่ในข่ายไม่สามารถจ่ายได้ ก็ต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วน ทั้งความเป็นจริงและความเป็นไปได้ ขณะเดียวกันใครที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขายความหวังกับเทคโนโลยีในอนาคต ก็ต้องบอกความจริงกับประชาชนด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการขายฝัน โดยไม่ให้ความจริงเท่าที่ควร ประชาชนจึงควรหาข้อมูลให้ชัดเจนด้วย” รมช.สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (21 เม.ย.) นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณี “น้องไอนส์” ด.ญ.เมทรินทร์ เนาวรัตน์พงษ์ อายุ 2 ขวบ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง โดย ดร.สหธรณ์ เนาวรัตน์พงษ์ ผู้เป็นพ่อส่งศพไปแช่แข็งที่สหรัฐอเมริกา ว่า เทคโนโลยีแช่แข็งเพื่อหวังโอกาสการรักษาในอนาคตหรือฟื้นชีวิตมีการพูดมานานแล้ว แต่ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นการแช่แข็งเฉพาะส่วนศีรษะ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงในแวดวงวิชาการว่าเพื่อประโยชน์อะไร ส่วนการแช่ตัวเพื่อหวังฟื้นคืนชีวิตยังเป็นเรื่องอีกไกล อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครจะแช่แข็งอะไรก็เป็นสิทธิ แต่ก็ต้องให้ความรู้ตามหลักวิชาการ เพราะจริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องการขายฝัน เช่นเดียวกับกลุ่มบริษัทที่เรียกเก็บสเต็มเซลล์ก็คล้ายกันในการให้บริการที่ให้ความหวัง และเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่ามาก ซึ่งทางวิชาการก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเก็บไปแล้วจะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือค่าใช้จ่ายสูงมาก การจะไปห้ามเปิดคงทำไม่ได้ ทำได้แค่ให้ความรู้ ซึ่งผู้เปิดบริการก็ต้องให้ความรู้ที่แท้จริงด้วย และอย่าชักจูงมากเกินไป ทั้งนี้ สธ.จะมีการหารือเพื่อออกมาตรการให้ความรู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีแช่แข็งน้องไอนส์ส่งผลให้มีกลุ่มบริษัทเอกชนฉวยโอกาสขายโฆษณา และให้บริการสเต็มเซลล์ปลูกถ่ายอวัยวะในอนาคต นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะหารือกับทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ว่า เรื่องธุรกิจเก็บสเต็มเซลล์ควรมีมาตรฐานอย่างไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างผลักดันร่าง พ.ร.บ.สเต็มเซลล์ แต่ค่อนข้างยาก เพราะมีการถกเถียงกันมาก มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีเรื่องการรักษาด้วยเซลล์ ซึ่งไม่ใช่สเต็มเซลล์ ต้องใช้เวลาอีกมาก
“เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับชีวิตก้าวหน้ารวดเร็วมาก นำไปสู่การมีจินตนาการ และคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งแม้จะอยู่ในฐานวิชาการ แต่ความเป็นจริงก็เป็นอีกเรื่อง ดังนั้น ต้องยอมรับว่าแม้จะรู้ว่าเป็นความหวังเล็กน้อย แต่มีปัญญาจ่ายก็คงอยากลอง แต่หากประชาชนที่อยู่ในข่ายไม่สามารถจ่ายได้ ก็ต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วน ทั้งความเป็นจริงและความเป็นไปได้ ขณะเดียวกันใครที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขายความหวังกับเทคโนโลยีในอนาคต ก็ต้องบอกความจริงกับประชาชนด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการขายฝัน โดยไม่ให้ความจริงเท่าที่ควร ประชาชนจึงควรหาข้อมูลให้ชัดเจนด้วย” รมช.สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
