สธ. ยันไม่มีคนตายเหตุหมอกควันไฟภาคเหนือ แต่คนเป็นโรคหัวใจ ถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง อาการกำเริบ หรือรุนแรงขึ้น เผยให้ อสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แนะนำประชาชนป้องกันการสูดฝุ่นละออง ให้โรงพยาบาลเตรียมความพร้อมยาดูแลผู้ป่วย 24 ชั่วโมง
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข่าวผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือจำนวนกว่า 400 รายนั้น ว่า เรื่องนี้ไม่จริง จากการเฝ้าระวังของโรงพยาบาลใน 9 จังหวัดภาคเหนือ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่เสียชีวิต มีเพียงผู้ป่วยที่เป็นโรคประจำตัวเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ที่อาจมีอาการกำเริบ หรือรุนแรงได้ง่ายกว่าประชาชนทั่วไป เนื่องจากฝุ่นละอองของหมอกควันจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และมีผลให้ร่างกายผู้ป่วยได้รับออกซิเจนน้อยลงได้
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดี คร. กล่าวว่า จากการประชุมทางไกลเกี่ยวกับสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือ ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพภาคที่ 3 และป้องกันภัยจังหวัด 9 จังหวัดภาคเหนือ พบว่า สถานการณ์ส่วนใหญ่บรรเทาลง เหลือเพียงแม่ฮ่องสอน และ ตาก ที่ยังมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ในอากาศเกินมาตรฐานเล็กน้อย ในส่วนของ สธ. ได้วางระบบการป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพ โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. ให้คำแนะนำประชาชนในการป้องกันการสูดละอองควันไฟตามระดับความเข้มข้นปริมาณฝุ่นควัน ทั้งประชาชนทั่วไป และกลุ่มเสี่ยงสูง โดยในระยะนี้ ขอให้ทุกคนอยู่ภายในบ้าน ในห้องที่มีอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร หากจำเป็น หรือต้องเดินทางแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หรือใช้ผ้าขาวบางประกบ 2 ชั้น ปิดปากและจมูก เพื่อกรองละอองฝุ่นหมอกควัน ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนไปแล้วกว่า 300,000 ชิ้น
“นอกจากนี้ ยังได้ให้สถานบริการทุกระดับ ตั้งแต่โรงพยาบาลศูนย์จนถึง รพ.สต.ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวม 800 กว่าแห่ง เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ เวชภัณฑ์ ยา เพื่อให้การดูแลรักษาตลอด 24 ชั่วโมง ผลการให้บริการรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณหมอกควันเพิ่มสูงสุด พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับการตรวจรักษาประมาณ 52,000 ราย ประกอบด้วย โรคที่พบมากอันดับแรก คือ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด 28,000 ราย รองลงมาคือ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 20,000 ราย โรคผิวหนังอักเสบ ผื่นคัน 1,900 ราย และกลุ่มโรคตาอักเสบหรือระคายเคืองประมาณ 1,600 ราย” รองอธิบดี คร. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข่าวผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือจำนวนกว่า 400 รายนั้น ว่า เรื่องนี้ไม่จริง จากการเฝ้าระวังของโรงพยาบาลใน 9 จังหวัดภาคเหนือ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่เสียชีวิต มีเพียงผู้ป่วยที่เป็นโรคประจำตัวเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ที่อาจมีอาการกำเริบ หรือรุนแรงได้ง่ายกว่าประชาชนทั่วไป เนื่องจากฝุ่นละอองของหมอกควันจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และมีผลให้ร่างกายผู้ป่วยได้รับออกซิเจนน้อยลงได้
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดี คร. กล่าวว่า จากการประชุมทางไกลเกี่ยวกับสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือ ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพภาคที่ 3 และป้องกันภัยจังหวัด 9 จังหวัดภาคเหนือ พบว่า สถานการณ์ส่วนใหญ่บรรเทาลง เหลือเพียงแม่ฮ่องสอน และ ตาก ที่ยังมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ในอากาศเกินมาตรฐานเล็กน้อย ในส่วนของ สธ. ได้วางระบบการป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพ โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. ให้คำแนะนำประชาชนในการป้องกันการสูดละอองควันไฟตามระดับความเข้มข้นปริมาณฝุ่นควัน ทั้งประชาชนทั่วไป และกลุ่มเสี่ยงสูง โดยในระยะนี้ ขอให้ทุกคนอยู่ภายในบ้าน ในห้องที่มีอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร หากจำเป็น หรือต้องเดินทางแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หรือใช้ผ้าขาวบางประกบ 2 ชั้น ปิดปากและจมูก เพื่อกรองละอองฝุ่นหมอกควัน ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนไปแล้วกว่า 300,000 ชิ้น
“นอกจากนี้ ยังได้ให้สถานบริการทุกระดับ ตั้งแต่โรงพยาบาลศูนย์จนถึง รพ.สต.ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวม 800 กว่าแห่ง เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ เวชภัณฑ์ ยา เพื่อให้การดูแลรักษาตลอด 24 ชั่วโมง ผลการให้บริการรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณหมอกควันเพิ่มสูงสุด พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับการตรวจรักษาประมาณ 52,000 ราย ประกอบด้วย โรคที่พบมากอันดับแรก คือ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด 28,000 ราย รองลงมาคือ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 20,000 ราย โรคผิวหนังอักเสบ ผื่นคัน 1,900 ราย และกลุ่มโรคตาอักเสบหรือระคายเคืองประมาณ 1,600 ราย” รองอธิบดี คร. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่