ชมรมสาธารณสุขฯ ออกแถลงการณ์ตั้งคำถามสั่งย้ายปลัด สธ. ไม่เดินหน้าตามนโยบายรัฐบาล รัฐมนตรีอย่างไร ชี้หากสอบต้องให้คำตอบใน 30 วัน วอนนายกฯ รับฟังปัญหาคนสาธารณสุขทุกวิชาชีพ
นพ.ปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชมรมฯ มีใจความว่า การย้าย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีคือนโยบายอะไร เพราะมีการเดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพมาตลอดตามนโยบายของรัฐบาล รวมไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลก็มีการขยายผลในหลายภาคแล้ว โดยข้อหาไม่ตอบสนองนโยบายขอให้สอบสวนให้เสร็จภายใน 30 วัน หากไม่มีมูลขอให้รีบคืนตำแหน่งหากถ่วงผลสอบไปจนใกล้เกษียณจะกลายเป็นความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากอุปสรรคของระบบการเงินการคลัง ไม่ใช่ความขัดแย้งส่วนบุคคล โดยขอให้นายกรัฐมนตรีรับฟังข้อมูลรอบด้านจากทุกวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุข
แถลงการณ์ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย
12 มี.ค. 2558
สรุปประเด็นข้อเสนอกรณีการย้ายปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์)
1. กรณีตามข่าวที่ว่าไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีคือนโยบายเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาลของที่ 5.2 ที่ให้ไว้เรื่องเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ท่านปลัดและบรรดาข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุขก็ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม และมีความก้าวหน้าไปมาก หรือกรณีหลักธรรมาภิบาล ก็ได้มีการดำเนินงานที่มีผลลัพธ์ชัดเจน มีการขยายผลให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องในกระทรวง ได้รับทราบและถือปฏิบัติอย่างทั่วถึงทุกภาค ได้ดำเนินการไปแล้วในภาคกลาง ภาคเหนือ และวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อเนื่องไปที่ภาคใต้ (24 เม.ย.) ทั้งการเป็นต้นแบบในการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ รวมในระดับเขต การต้านทุจริตคอร์รัปชัน กำชับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณตามนโยบาย นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพตามวัย ทีมหมอครอบครัวและโครงการอื่นๆ ก็ขับเคลื่อนกันเต็มกำลัง
2. ในเมื่อตั้งข้อกล่าวหาว่าไม่สนองนโยบาย ก็ขอให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากมีมูลก็ว่าไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริง หากไม่มีมูลหรือมีเจตนาซ่อนเร้น หรือกลั่นแกล้งกันก็ขอให้คืนตำแหน่งโดยพลัน เพราะหากถ่วงเวลาแล้วค่อยแจงผลสอบตอนใกล้เกษียณ ก็จะกลายเป็นสำนวนที่ว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม” มิฉะนั้น ก็จะกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของข้าราชการ และจะขาดการสะท้อนข้อมูลจากรากเหง้าของผู้ปฏิบัติที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ถือเป็นการังแกข้าราชการที่ยืนหยัด บนเนื้องานที่ตกผลึกของผู้มีประสบการณ์ตรง
3. ชมรมฯ จะสานต่องานของท่านปลัดต่อไป เป็นต้นว่า การปฏิรูประบบสุขภาพ งานสร้างนำซ่อม การปฏิรูประบบการเงินการคลัง เขตสุขภาพเพื่อประชาชน ธรรมาภิบาลเพื่ออภิบาลระบบ
4. ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของบุคคล แต่เป็นเรื่องอุปสรรคของระบบการเงินการคลัง การบริหารจัดการ และการไม่รับฟังข้อมูลให้รอบด้านของผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ ถึงแม้เปลี่ยนปลัด สิ่งที่เป็นปัญหาของระบบสุขภาพก็ยังมีอยู่ และต้องได้รับการแก้ไข ปรับปรุงให้เหมาะสมกับปัญหาปัจจุบัน
5. อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีมารับฟังข้อมูลรอบด้านจากตัวแทนทุกวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุขกว่า 50 วิชาชีพ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรับฟังข้อเท็จจริง ประกอบการพิจารณาและคืนความเป็นธรรมให้ตามข้อเท็จจริง
นายปรเมษฐ์ จินา
ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชมรมฯ มีใจความว่า การย้าย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีคือนโยบายอะไร เพราะมีการเดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพมาตลอดตามนโยบายของรัฐบาล รวมไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลก็มีการขยายผลในหลายภาคแล้ว โดยข้อหาไม่ตอบสนองนโยบายขอให้สอบสวนให้เสร็จภายใน 30 วัน หากไม่มีมูลขอให้รีบคืนตำแหน่งหากถ่วงผลสอบไปจนใกล้เกษียณจะกลายเป็นความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากอุปสรรคของระบบการเงินการคลัง ไม่ใช่ความขัดแย้งส่วนบุคคล โดยขอให้นายกรัฐมนตรีรับฟังข้อมูลรอบด้านจากทุกวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุข
แถลงการณ์ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย
12 มี.ค. 2558
สรุปประเด็นข้อเสนอกรณีการย้ายปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์)
1. กรณีตามข่าวที่ว่าไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีคือนโยบายเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาลของที่ 5.2 ที่ให้ไว้เรื่องเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ท่านปลัดและบรรดาข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุขก็ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม และมีความก้าวหน้าไปมาก หรือกรณีหลักธรรมาภิบาล ก็ได้มีการดำเนินงานที่มีผลลัพธ์ชัดเจน มีการขยายผลให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องในกระทรวง ได้รับทราบและถือปฏิบัติอย่างทั่วถึงทุกภาค ได้ดำเนินการไปแล้วในภาคกลาง ภาคเหนือ และวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อเนื่องไปที่ภาคใต้ (24 เม.ย.) ทั้งการเป็นต้นแบบในการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ รวมในระดับเขต การต้านทุจริตคอร์รัปชัน กำชับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณตามนโยบาย นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพตามวัย ทีมหมอครอบครัวและโครงการอื่นๆ ก็ขับเคลื่อนกันเต็มกำลัง
2. ในเมื่อตั้งข้อกล่าวหาว่าไม่สนองนโยบาย ก็ขอให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากมีมูลก็ว่าไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริง หากไม่มีมูลหรือมีเจตนาซ่อนเร้น หรือกลั่นแกล้งกันก็ขอให้คืนตำแหน่งโดยพลัน เพราะหากถ่วงเวลาแล้วค่อยแจงผลสอบตอนใกล้เกษียณ ก็จะกลายเป็นสำนวนที่ว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม” มิฉะนั้น ก็จะกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของข้าราชการ และจะขาดการสะท้อนข้อมูลจากรากเหง้าของผู้ปฏิบัติที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ถือเป็นการังแกข้าราชการที่ยืนหยัด บนเนื้องานที่ตกผลึกของผู้มีประสบการณ์ตรง
3. ชมรมฯ จะสานต่องานของท่านปลัดต่อไป เป็นต้นว่า การปฏิรูประบบสุขภาพ งานสร้างนำซ่อม การปฏิรูประบบการเงินการคลัง เขตสุขภาพเพื่อประชาชน ธรรมาภิบาลเพื่ออภิบาลระบบ
4. ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของบุคคล แต่เป็นเรื่องอุปสรรคของระบบการเงินการคลัง การบริหารจัดการ และการไม่รับฟังข้อมูลให้รอบด้านของผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ ถึงแม้เปลี่ยนปลัด สิ่งที่เป็นปัญหาของระบบสุขภาพก็ยังมีอยู่ และต้องได้รับการแก้ไข ปรับปรุงให้เหมาะสมกับปัญหาปัจจุบัน
5. อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีมารับฟังข้อมูลรอบด้านจากตัวแทนทุกวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุขกว่า 50 วิชาชีพ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรับฟังข้อเท็จจริง ประกอบการพิจารณาและคืนความเป็นธรรมให้ตามข้อเท็จจริง
นายปรเมษฐ์ จินา
ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่