“หมอรัชตะ” รับมีรองนายกฯ สั่งตั้ง คกก.สอบสวนปลัด สธ.จริง เหตุคนในสังคมมองทำกระทรวงหมอมีความขัดแย้ง ระบุ “บิ๊กตู่” ลงนามสั่งย้ายปลัด สธ. เข้าสำนักนายกฯ ระหว่างรอผลสอบสวน ด้านประชาคม สธ.ค้านคำสั่งโยกย้ายไม่เป็นธรรมจ่อหารือเคลื่อนไหว ไม่ฟันมีม็อบหมอ
วันนี้ (11 มี.ค.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการตั้งคณะกรรมการสอบสวน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. พร้อมย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนจะประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เรื่องแม่น้ำห้าสาย ว่า รองนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ กรณีกระทรวงสาธารณสุขปรากฏเป็นข่าวจนทำให้สังคมมองว่าเกิดความขัดแย้งขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะมีการสอบข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้ ทราบว่าระหว่างรอผลการสอบสวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามสั่งย้าย นพ.ณรงค์ ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีก่อน ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนจะแต่งตั้งใครเป็นรักษาการณ์ขอให้รอหนังสืออย่างเป็นทางการ ส่วนที่จะมีแรงต่อต้านจากข้าราชการหรือไม่นั้น เชื่อว่าคงไม่มีแบบนั้น
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) ในฐานะตัวแทนประชาคมสาธารณสุข กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบธรรม แทนที่จะตั้งสอบปลัด สธ. ควรไปสอบสวนเอาผิดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จะดีกว่า เพราะบริหารงานส่งผลต่อโรงพยาบาล ทำให้ขาดทุนมากมาย แต่กลับมาสอบปลัดสธ. และจะสั่งย้าย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวงกว้าง คือ ประชาชนจะเสียประโยชน์ เนื่องจาก นพ.ณรงค์ เป็นผู้เดินหน้านโยบายเขตสุขภาพในการจัดบริการร่วม เพื่อประชาชน ซึ่งไม่รู้ว่ารักษาการปลัดสธ.คนใหม่จะมาสานต่อนโยบายเทียบเท่าหรือไม่ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อขวัญและกำลังใจบุคลากรสาธารณสุข เพราะแม้จะมีปัญหาภายใน แต่ทุกคนก็ทำงานโดยไม่แบ่งแยกว่า นโยบายนี้เป็นของรัฐมนตรี หรือปลัด ที่สำคัญปลัดสธ.เป็นเหมือนตัวแทนข้าราชการที่กล้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ตั้งแต่ก่อนจะมีการปฏิรูปรัฐบาล จนเกิดรัฐบาลยุคนี้ เรียกว่าเป็นปลัดคนเดียวที่กล้าออกมาแสดงออก สุดท้ายคือส่งผลต่อตัวปลัด สธ.ด้วย และระบบราชการทั้งระบบ เพราะปลัด สธ.เป็นข้าราชการคนหนึ่งทำงานมาตลอด แต่กลับถูกรังแก ที่สำคัญกระทบต่อกฎหมาย พ.ร.บ.การบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
"สิ่งที่เกิดขึ้นประชาคมฯ จะหารือเพื่อออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ส่วนจะมีม็อบหมอหรือไม่ เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่หากถึงที่สุดก็ต้องมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกับรัฐบาล”พญ.ประชุมพร กล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวจากผู้สื่อข่าว และยังไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนจะเรียกร้องความเป็นธรรมหรือไม่ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นเพียงข้าราชการคนหนึ่งเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนจะมีคำสั่งให้ย้าย นพ.ณรงค์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า แม้จะปลดตนจากตำแหน่ง แต่ปัญหาของกระทรวงสาธารณสุขจะยังไม่จบ เพราะขณะนี้ข้าราชการกระทรวงได้ตื่นและรับทราบว่า เราต้องแก้ปัญหาด้วยกันในเรื่องของการจัดระบบบริการ ทั้งนี้ หากมีคำสั่งให้ทำอย่างไรก็ต้องทำและกลับบ้านเท่านั้นเอง นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เป็นเพียงข้าราชการที่ทำงนตามบทบาทหน้าที่ เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาจากรากเหง้าของระบบ ไม่ได้มาจากตัวบุคคล เป็นเรื่องของหลักการและแนวคิดที่ต่างๆ อย่าโยงเป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคล
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าการย้ายปลัดสธ.มีประโยชน์กับการบริหารราชการและการขับเคลื่อนนโยบายก็อยู่ที่ผู้บังคับบัญชา เพราะว่ารัฐบาลมีเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นโดยภาพรวมในกระบวนการทำงานของฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำต้องสอดคล้องกันและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (11 มี.ค.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการตั้งคณะกรรมการสอบสวน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. พร้อมย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนจะประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เรื่องแม่น้ำห้าสาย ว่า รองนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ กรณีกระทรวงสาธารณสุขปรากฏเป็นข่าวจนทำให้สังคมมองว่าเกิดความขัดแย้งขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะมีการสอบข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้ ทราบว่าระหว่างรอผลการสอบสวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามสั่งย้าย นพ.ณรงค์ ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีก่อน ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนจะแต่งตั้งใครเป็นรักษาการณ์ขอให้รอหนังสืออย่างเป็นทางการ ส่วนที่จะมีแรงต่อต้านจากข้าราชการหรือไม่นั้น เชื่อว่าคงไม่มีแบบนั้น
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) ในฐานะตัวแทนประชาคมสาธารณสุข กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบธรรม แทนที่จะตั้งสอบปลัด สธ. ควรไปสอบสวนเอาผิดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จะดีกว่า เพราะบริหารงานส่งผลต่อโรงพยาบาล ทำให้ขาดทุนมากมาย แต่กลับมาสอบปลัดสธ. และจะสั่งย้าย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวงกว้าง คือ ประชาชนจะเสียประโยชน์ เนื่องจาก นพ.ณรงค์ เป็นผู้เดินหน้านโยบายเขตสุขภาพในการจัดบริการร่วม เพื่อประชาชน ซึ่งไม่รู้ว่ารักษาการปลัดสธ.คนใหม่จะมาสานต่อนโยบายเทียบเท่าหรือไม่ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อขวัญและกำลังใจบุคลากรสาธารณสุข เพราะแม้จะมีปัญหาภายใน แต่ทุกคนก็ทำงานโดยไม่แบ่งแยกว่า นโยบายนี้เป็นของรัฐมนตรี หรือปลัด ที่สำคัญปลัดสธ.เป็นเหมือนตัวแทนข้าราชการที่กล้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ตั้งแต่ก่อนจะมีการปฏิรูปรัฐบาล จนเกิดรัฐบาลยุคนี้ เรียกว่าเป็นปลัดคนเดียวที่กล้าออกมาแสดงออก สุดท้ายคือส่งผลต่อตัวปลัด สธ.ด้วย และระบบราชการทั้งระบบ เพราะปลัด สธ.เป็นข้าราชการคนหนึ่งทำงานมาตลอด แต่กลับถูกรังแก ที่สำคัญกระทบต่อกฎหมาย พ.ร.บ.การบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
"สิ่งที่เกิดขึ้นประชาคมฯ จะหารือเพื่อออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ส่วนจะมีม็อบหมอหรือไม่ เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่หากถึงที่สุดก็ต้องมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกับรัฐบาล”พญ.ประชุมพร กล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวจากผู้สื่อข่าว และยังไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนจะเรียกร้องความเป็นธรรมหรือไม่ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นเพียงข้าราชการคนหนึ่งเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนจะมีคำสั่งให้ย้าย นพ.ณรงค์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า แม้จะปลดตนจากตำแหน่ง แต่ปัญหาของกระทรวงสาธารณสุขจะยังไม่จบ เพราะขณะนี้ข้าราชการกระทรวงได้ตื่นและรับทราบว่า เราต้องแก้ปัญหาด้วยกันในเรื่องของการจัดระบบบริการ ทั้งนี้ หากมีคำสั่งให้ทำอย่างไรก็ต้องทำและกลับบ้านเท่านั้นเอง นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เป็นเพียงข้าราชการที่ทำงนตามบทบาทหน้าที่ เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาจากรากเหง้าของระบบ ไม่ได้มาจากตัวบุคคล เป็นเรื่องของหลักการและแนวคิดที่ต่างๆ อย่าโยงเป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคล
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าการย้ายปลัดสธ.มีประโยชน์กับการบริหารราชการและการขับเคลื่อนนโยบายก็อยู่ที่ผู้บังคับบัญชา เพราะว่ารัฐบาลมีเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นโดยภาพรวมในกระบวนการทำงานของฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำต้องสอดคล้องกันและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่