รักษาการ ผอ.สวรส. ลั่นตั้งองค์กร ส. ใหม่ ดูแลงานวิจัย ไม่ผูกขาดคนตระกูล ส. เข้าบริหาร ท้ามีความสามารถก็มาคัดเลือกตามระบบ รับ กม. เปิดช่องดึงงบ สธ.- สปสช. จริง
นพ.ภูษิต ประคองสาย รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวถึงกรณีกระแสคัดค้านการยกร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ พ.ศ. ... เพื่อตั้งสำนักงานใหม่มาแทน สวรส. โดยรับงบประมาณประเดิม 1 พันล้านบาท และงบจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร้อยละ 1 ในปีแรก และร้อยละ 2 ในปีถัดไปนั้น ไม่เหมาะสม เพราะซ้ำซ้อนและดำเนินการโดยคนกลุ่มเดิมๆ ว่า การตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพราะมีความกล้าที่จะเดินหน้าพัฒนาสิ่งใหม่ เช่นเดียวกับการตั้ง สปสช. เมื่อ 12 ปีก่อน ก็ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพ ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองว่าเป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่จะเข้ามา เพราะมีระบบในการเลือกตามกระบวนการกลั่นกรอง ใครแน่จริงก็มาสมัครได้ ไม่มีการผูกขาด และหากคนตระกูล ส. จะเข้ามาก็ย่อมได้ หากมีความสามารถและคุณสมบัติผ่านเกณฑ์
ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของแหล่งงบประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2 มาจากที่ใด เพราะอดีต ผอ.สวรส. ยืนยันว่า ไม่ได้ดึงมาจาก สธ. และ สปสช. เป็นเพียงการเทียบเคียงตัวเลข ขณะที่ร่าง พ.ร.บ. ระบุแบบกำกวม นพ.ภูษิต กล่าวว่า เราไม่ได้อยากจะเอาเงินของ สปสช. หรือ สธ. แต่ตนยังไม่สามารถยืนยันได้ เพราะในทางกฎหมายแล้วต้องเขียนเปิดช่องเอาไว้ว่ากองทุนมีความต้องการงบประมาณในอัตราเท่านี้ อยู่ที่รัฐจะเอาจากไหนมาจัดสรร อาจจะเป็นการตัดเค้กจากงบประมาณของ สธ. สปสช. ก็ได้ ตอนนี้เลยเกิดปัญหา สุดท้ายแล้วอยู่ที่การแปรญัตติ
“ร่าง พ.ร.บ. ตัวนี้ได้เสนอให้กับ รมว.สาธารณสุข พิจารณาเสนอเข้า ครม. ไปเมื่อปลายปี 2557 แต่ยังไม่มีการนำเสนอเข้า ครม. เพราะยังมีกระแสต่อต้าน ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะทันการพิจารณาของ สนช. แต่กฎหมายตัวนี้ถ้าเป็นรัฐบาลปกติคงผ่านได้ยาก ส่วนข้อเสนอให้หน่วยงานใหม่อยู่ภายใต้หน่วยงานระดับประเทศแทนสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างกระทรวงสาธารณสุขก็ดี เพราะมีผู้เชี่ยวชาญเยอะ แต่วันนี้การขับเคลื่อนงานสาธารณสุขต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นๆ นอกเหนือจากกระทรวง ซึ่งหากอยู่ในสังกัด สธ. จะขับเคลื่อนงานต่างๆ ค่อนข้างยาก เพราะติดหลักเกณฑ์หลายอย่าง จึงพยายามผลักดันให้อยู่ในสังกัดนายกฯ” นพ.ภูษิต กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ภูษิต ประคองสาย รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวถึงกรณีกระแสคัดค้านการยกร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ พ.ศ. ... เพื่อตั้งสำนักงานใหม่มาแทน สวรส. โดยรับงบประมาณประเดิม 1 พันล้านบาท และงบจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร้อยละ 1 ในปีแรก และร้อยละ 2 ในปีถัดไปนั้น ไม่เหมาะสม เพราะซ้ำซ้อนและดำเนินการโดยคนกลุ่มเดิมๆ ว่า การตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพราะมีความกล้าที่จะเดินหน้าพัฒนาสิ่งใหม่ เช่นเดียวกับการตั้ง สปสช. เมื่อ 12 ปีก่อน ก็ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพ ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองว่าเป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่จะเข้ามา เพราะมีระบบในการเลือกตามกระบวนการกลั่นกรอง ใครแน่จริงก็มาสมัครได้ ไม่มีการผูกขาด และหากคนตระกูล ส. จะเข้ามาก็ย่อมได้ หากมีความสามารถและคุณสมบัติผ่านเกณฑ์
ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของแหล่งงบประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2 มาจากที่ใด เพราะอดีต ผอ.สวรส. ยืนยันว่า ไม่ได้ดึงมาจาก สธ. และ สปสช. เป็นเพียงการเทียบเคียงตัวเลข ขณะที่ร่าง พ.ร.บ. ระบุแบบกำกวม นพ.ภูษิต กล่าวว่า เราไม่ได้อยากจะเอาเงินของ สปสช. หรือ สธ. แต่ตนยังไม่สามารถยืนยันได้ เพราะในทางกฎหมายแล้วต้องเขียนเปิดช่องเอาไว้ว่ากองทุนมีความต้องการงบประมาณในอัตราเท่านี้ อยู่ที่รัฐจะเอาจากไหนมาจัดสรร อาจจะเป็นการตัดเค้กจากงบประมาณของ สธ. สปสช. ก็ได้ ตอนนี้เลยเกิดปัญหา สุดท้ายแล้วอยู่ที่การแปรญัตติ
“ร่าง พ.ร.บ. ตัวนี้ได้เสนอให้กับ รมว.สาธารณสุข พิจารณาเสนอเข้า ครม. ไปเมื่อปลายปี 2557 แต่ยังไม่มีการนำเสนอเข้า ครม. เพราะยังมีกระแสต่อต้าน ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะทันการพิจารณาของ สนช. แต่กฎหมายตัวนี้ถ้าเป็นรัฐบาลปกติคงผ่านได้ยาก ส่วนข้อเสนอให้หน่วยงานใหม่อยู่ภายใต้หน่วยงานระดับประเทศแทนสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างกระทรวงสาธารณสุขก็ดี เพราะมีผู้เชี่ยวชาญเยอะ แต่วันนี้การขับเคลื่อนงานสาธารณสุขต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นๆ นอกเหนือจากกระทรวง ซึ่งหากอยู่ในสังกัด สธ. จะขับเคลื่อนงานต่างๆ ค่อนข้างยาก เพราะติดหลักเกณฑ์หลายอย่าง จึงพยายามผลักดันให้อยู่ในสังกัดนายกฯ” นพ.ภูษิต กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
