รมช.สธ. ร่อนหนังสือเลิกจ้าง ผอ.สวรส. เป็นทางการ ด้าน “หมอสมเกียรติ” ไม่ยอมรับ ชี้ ครม. ต้องเห็นชอบก่อน พร้อมท้าสู้กันในชั้นศาล จ่อแจ้งความเอาผิดผู้รักษาการและแต่งตั้ง ขณะที่ศาลปกครองรับพิจารณาคุ้มครองชั่วคราว แต่ไม่ไต่สวนฉุกเฉินตามคำร้อง
วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (บอร์ด สวรส.) ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งเลขที่ สธ.01001.1/3913 เรื่อง บอกเลิกสัญญาจ้าง นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผอ.สวรส. อย่างเป็นทางการ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่บกพร่องในหลายกรณี โดยเฉพาะประเด็นการขัดขวาง ไม่ให้มีการประชุมคณะกรรมการ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งประธานบอร์ด จึงมีมติเลิกจ้างเพราะผิดตามเงื่อนไขสัญญาว่าจ้าง ข้อ 6 โดยให้มีผลทันที
นพ.สมเกียรติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ตามสัญญาจ้างนั้นผู้อำนวยการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ คณะกรรมการให้ออกด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนจึงยังไม่สามารถดำเนินการตามหนังสือดังกล่าวได้ เนื่องจากจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อ “คณะกรรมการให้ออก” ร่วมกันกับ “ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี” แต่หนังสือดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐาน สำเนา รายงานการประชุมบอร์ด สวรส. ที่มีมติดังกล่าวอ้างไว้แต่อย่างใด รวมทั้งไม่ปรากฏมติ ครม.ที่ให้ความเห็นชอบ จึงเป็นหนังสือที่ตนไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เพราะขัดต่อความตามมาตรา 14 (3) แห่ง พ.ร.บ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข พ.ศ.2535 ทั้งนี้ หากมีการแต่งตั้งรักษาการ ผอ.สวรส. ถ้ามาเมื่อไรตนก็จะไปแจ้งความเอาผิดทั้งตัวผู้ที่จะมารักษาการ และผู้แต่งตั้งด้วย
นพ.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า หนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างนั้น ยังมีประเด็นกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง คือ 1. หาว่าจงใจขัดขวางการประชุมบอร์ด สวรส. โดยระบุในหนังสือแต่งตั้งผู้รักษาการไม่มีอำนาจทำหน้าที่เลขานุการบอร์ด สวรส. เพื่อขัดขวางไม่ให้มีการประชุมบอร์ดวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงคือ รมช.สาธารณสุข ออกหนังสือเชิญประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. เอง ทั้งที่ทราบดีว่าตนอยู่ที่ญี่ปุ่น ซึ่งตนก็ได้ทำหนังสือมอบหมายให้รอง ผอ.สวรส.ดำเนินการนำเสนอในวาระนั้น จึงไม่มีเหตุการณ์ใดที่บ่งบอกว่าจงใจขัดขวางการประชุม 2. การประชุมบอร์ด สวรส. ครั้งต่อไป มีมติคือวันที่ 22 ธ.ค. แต่ตนได้รับแจ้งว่าจะให้มีการประชุมบอร์ด สวรส. วาระลับ วันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงต้องโต้แย้งว่าหนังสือเชิญประชุมควรออกจากฝ่ายเลขานุการคือตน มิฉะนั้น การประชุมอาจมีปัญหาในข้อกฎหมายภายหลังได้ อย่างไรก็ตาม ตนก็เข้าประชุมตามหนังสือเชิญ และถูกสั่งให้ออกจากห้องประชุม จึงมิได้มีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหา
3. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเป็นอำนาจหน้าที่ของบอร์ด สวรส. มิใช่ประธานบอร์ด แต่การประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ไม่ปรากฏว่ามีวาระเพื่อพิจารณาคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ ยังไม่มีรายนามอนุกรรมการที่ฝ่ายเลขานุการต้องนำเสนอให้แต่งตั้ง และยังไม่มีการระบุอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการ เพื่อบรรจุเข้าเป็นวาระการประชุม ตนไม่สามารถดำเนินการขัดต่อกฎหมายได้ จึงขอให้ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ดดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงมิได้มีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันที่จะนั่งทำงานในสำนักงาน สวรส. นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ตนจะออกต่อเมื่อมีมติ ครม. เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น ถ้าพรุ่งนี้มติ ครม. บอกว่าให้ออก ก็จะเก็บของออกทันที ไม่ต้องพูดเยอะ แล้วให้ไปสู้กันในศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นพ.สมเกียรติ ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉินในกรณีถูกปลดจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ศาลปกครองรับพิจารณาและคุ้มครองชั่วคราว แต่ไม่ได้เป็นการไต่สวนฉุกเฉินตามที่ร้องขอ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (บอร์ด สวรส.) ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งเลขที่ สธ.01001.1/3913 เรื่อง บอกเลิกสัญญาจ้าง นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผอ.สวรส. อย่างเป็นทางการ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่บกพร่องในหลายกรณี โดยเฉพาะประเด็นการขัดขวาง ไม่ให้มีการประชุมคณะกรรมการ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งประธานบอร์ด จึงมีมติเลิกจ้างเพราะผิดตามเงื่อนไขสัญญาว่าจ้าง ข้อ 6 โดยให้มีผลทันที
นพ.สมเกียรติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ตามสัญญาจ้างนั้นผู้อำนวยการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ คณะกรรมการให้ออกด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนจึงยังไม่สามารถดำเนินการตามหนังสือดังกล่าวได้ เนื่องจากจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อ “คณะกรรมการให้ออก” ร่วมกันกับ “ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี” แต่หนังสือดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐาน สำเนา รายงานการประชุมบอร์ด สวรส. ที่มีมติดังกล่าวอ้างไว้แต่อย่างใด รวมทั้งไม่ปรากฏมติ ครม.ที่ให้ความเห็นชอบ จึงเป็นหนังสือที่ตนไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เพราะขัดต่อความตามมาตรา 14 (3) แห่ง พ.ร.บ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข พ.ศ.2535 ทั้งนี้ หากมีการแต่งตั้งรักษาการ ผอ.สวรส. ถ้ามาเมื่อไรตนก็จะไปแจ้งความเอาผิดทั้งตัวผู้ที่จะมารักษาการ และผู้แต่งตั้งด้วย
นพ.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า หนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างนั้น ยังมีประเด็นกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง คือ 1. หาว่าจงใจขัดขวางการประชุมบอร์ด สวรส. โดยระบุในหนังสือแต่งตั้งผู้รักษาการไม่มีอำนาจทำหน้าที่เลขานุการบอร์ด สวรส. เพื่อขัดขวางไม่ให้มีการประชุมบอร์ดวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงคือ รมช.สาธารณสุข ออกหนังสือเชิญประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. เอง ทั้งที่ทราบดีว่าตนอยู่ที่ญี่ปุ่น ซึ่งตนก็ได้ทำหนังสือมอบหมายให้รอง ผอ.สวรส.ดำเนินการนำเสนอในวาระนั้น จึงไม่มีเหตุการณ์ใดที่บ่งบอกว่าจงใจขัดขวางการประชุม 2. การประชุมบอร์ด สวรส. ครั้งต่อไป มีมติคือวันที่ 22 ธ.ค. แต่ตนได้รับแจ้งว่าจะให้มีการประชุมบอร์ด สวรส. วาระลับ วันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงต้องโต้แย้งว่าหนังสือเชิญประชุมควรออกจากฝ่ายเลขานุการคือตน มิฉะนั้น การประชุมอาจมีปัญหาในข้อกฎหมายภายหลังได้ อย่างไรก็ตาม ตนก็เข้าประชุมตามหนังสือเชิญ และถูกสั่งให้ออกจากห้องประชุม จึงมิได้มีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหา
3. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเป็นอำนาจหน้าที่ของบอร์ด สวรส. มิใช่ประธานบอร์ด แต่การประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ไม่ปรากฏว่ามีวาระเพื่อพิจารณาคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ ยังไม่มีรายนามอนุกรรมการที่ฝ่ายเลขานุการต้องนำเสนอให้แต่งตั้ง และยังไม่มีการระบุอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการ เพื่อบรรจุเข้าเป็นวาระการประชุม ตนไม่สามารถดำเนินการขัดต่อกฎหมายได้ จึงขอให้ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ดดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงมิได้มีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันที่จะนั่งทำงานในสำนักงาน สวรส. นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ตนจะออกต่อเมื่อมีมติ ครม. เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น ถ้าพรุ่งนี้มติ ครม. บอกว่าให้ออก ก็จะเก็บของออกทันที ไม่ต้องพูดเยอะ แล้วให้ไปสู้กันในศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นพ.สมเกียรติ ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉินในกรณีถูกปลดจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ศาลปกครองรับพิจารณาและคุ้มครองชั่วคราว แต่ไม่ได้เป็นการไต่สวนฉุกเฉินตามที่ร้องขอ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่