“กมล” ลั่นไม่เห็นด้วยตั้งตู้ถุงยางใน ร.ร. ชี้ไม่เหมาะสมเหมือนดาบสองคม ทำให้เด็กมุ่งสนใจเรื่องเซ็กซ์ก่อนวัยอันควร แนะหาวิธีรณรงค์ทางอื่นๆ ระบุหาก สธ. ทำเรื่องขอมาก็ไม่อนุญาตแน่นอน ด้านกรมควบคุมโรคแจงยุทธศาสตร์ตั้งตู้ซื้อถุงยางอนามัย ไม่บังคับ ระบุหาก ศธ.- ร.ร. มีแนวทางอื่นที่ดีกว่าก็ดำเนินการได้ เผยแจกเข็มฉีดยาให้ผู้ติดยารายละเอียดการกระจายเข็มยังไม่ชัดเจน ชี้กลุ่มเอ็นจีโอเป็นผู้ทำรายละเอียด
วันนี้ (9 ก.พ.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดเชื้อเอดส์ (เอชไอวี) ด้วยการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการป้องกันรักษาโรค ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันโรค เช่น จัดตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยในสถานศึกษา ทั้งกลุ่มอาชีวศึกษา และสายสามัญตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป โดยกำหนดให้เป็นยุทธศาสตร์ของปี 2558 - 2562 และให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับไปดูแล ซึ่งเบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการในสถานศึกษาที่มีความพร้อมก่อนนั้น ส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาตให้มีการติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยภายในโรงเรียนอย่างเด็ดขาด และมองว่าหากจะรณรงค์ในเรื่องดังกล่าว สธ. ควรรณรงค์ด้วยวิธีอื่นจะเกิดประโยชน์มากกว่า หรือหากจะติดตั้งควรจะนำไปติดตั้งที่อื่นซึ่งไม่ใช่ในสถานศึกษา
“ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และมองว่าแนวทางนี้เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่ผ่านมา เคยมีแนวคิดเรื่องดังกล่าวมาแล้ว แต่ไม่เคยมีสถานศึกษาใดติดตั้งเครื่องขายถุงยางอนามัย หรือทำเรื่องขอติดตั้งมายัง สพฐ. ซึ่งผมเห็นว่าหากจะติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยควรอยู่ที่ห้องน้ำสาธารณะ หรือสถานบันเทิงมากกว่า อีกทั้งปัจจุบันถุงยางอนามัยก็หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้ออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดในโรงเรียน เพราะจะกลายเป็นการสนับสนุนให้เด็กมุ่งสนใจแต่เรื่องเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เพราะฉะนั้น แนวทางนี้คงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนักควรจะหาวิธีรณรงค์ให้ความรู้แนวทางอื่น และหาก สธ. ทำเรื่องขอติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยมาที่ สพฐ. ก็จะไม่อนุญาตแน่นอน”นายกมล กล่าว
ด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว 5 ปี ตั้งแต่ปี 2558 - 2562 ของคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีแห่งชาติ ซึ่งในทางยุทธศาสตร์ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยให้เยาวชนเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกัน แต่แนวทางนี้ไม่ได้เป็นการบังคับว่าจะต้องดำเนินการในทุกโรงเรียน หากสถานศึกษาใดมีความพร้อมก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากไม่เห็นด้วยและมีวิธีอื่นที่ดีก็สามารถดำเนินการได้ เพื่อปกป้องเยาวชนไม่ให้เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ซึ่งขณะนี้ในหลักสูตรการเรียนการสอนก็มีการสอนเรื่องเพศศึกษา ในเรื่องของเซฟเซ็กซ์อยู่แล้ว
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายแจกเข็มฉีดยาสะอาดสำหรับผู้ติดยาเสพติดชนิดฉีด เพื่อลดผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่นั้น แนวทางในการกระจายเข็มยังไม่ชัดเจนว่าจะให้แก่กลุ่มใด แต่ข้อกังวลเรื่องผู้ติดยาเสพติดจะไม่กล้าแสดงตัวนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งแนวทางการกระจายเข็มฉีดยาทางกลุ่มเอ็นจีโอด้านเอดส์จะเป็นผู้จัดทำรายละเอียด เนื่องจากมีเครือข่ายกว้างขวาง และจะมีการนำเสนออีกครั้งหนึ่ง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (9 ก.พ.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดเชื้อเอดส์ (เอชไอวี) ด้วยการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการป้องกันรักษาโรค ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันโรค เช่น จัดตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางอนามัยในสถานศึกษา ทั้งกลุ่มอาชีวศึกษา และสายสามัญตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป โดยกำหนดให้เป็นยุทธศาสตร์ของปี 2558 - 2562 และให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับไปดูแล ซึ่งเบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการในสถานศึกษาที่มีความพร้อมก่อนนั้น ส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาตให้มีการติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยภายในโรงเรียนอย่างเด็ดขาด และมองว่าหากจะรณรงค์ในเรื่องดังกล่าว สธ. ควรรณรงค์ด้วยวิธีอื่นจะเกิดประโยชน์มากกว่า หรือหากจะติดตั้งควรจะนำไปติดตั้งที่อื่นซึ่งไม่ใช่ในสถานศึกษา
“ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และมองว่าแนวทางนี้เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่ผ่านมา เคยมีแนวคิดเรื่องดังกล่าวมาแล้ว แต่ไม่เคยมีสถานศึกษาใดติดตั้งเครื่องขายถุงยางอนามัย หรือทำเรื่องขอติดตั้งมายัง สพฐ. ซึ่งผมเห็นว่าหากจะติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยควรอยู่ที่ห้องน้ำสาธารณะ หรือสถานบันเทิงมากกว่า อีกทั้งปัจจุบันถุงยางอนามัยก็หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้ออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดในโรงเรียน เพราะจะกลายเป็นการสนับสนุนให้เด็กมุ่งสนใจแต่เรื่องเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เพราะฉะนั้น แนวทางนี้คงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนักควรจะหาวิธีรณรงค์ให้ความรู้แนวทางอื่น และหาก สธ. ทำเรื่องขอติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยมาที่ สพฐ. ก็จะไม่อนุญาตแน่นอน”นายกมล กล่าว
ด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว 5 ปี ตั้งแต่ปี 2558 - 2562 ของคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีแห่งชาติ ซึ่งในทางยุทธศาสตร์ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยให้เยาวชนเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกัน แต่แนวทางนี้ไม่ได้เป็นการบังคับว่าจะต้องดำเนินการในทุกโรงเรียน หากสถานศึกษาใดมีความพร้อมก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากไม่เห็นด้วยและมีวิธีอื่นที่ดีก็สามารถดำเนินการได้ เพื่อปกป้องเยาวชนไม่ให้เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ซึ่งขณะนี้ในหลักสูตรการเรียนการสอนก็มีการสอนเรื่องเพศศึกษา ในเรื่องของเซฟเซ็กซ์อยู่แล้ว
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายแจกเข็มฉีดยาสะอาดสำหรับผู้ติดยาเสพติดชนิดฉีด เพื่อลดผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่นั้น แนวทางในการกระจายเข็มยังไม่ชัดเจนว่าจะให้แก่กลุ่มใด แต่ข้อกังวลเรื่องผู้ติดยาเสพติดจะไม่กล้าแสดงตัวนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งแนวทางการกระจายเข็มฉีดยาทางกลุ่มเอ็นจีโอด้านเอดส์จะเป็นผู้จัดทำรายละเอียด เนื่องจากมีเครือข่ายกว้างขวาง และจะมีการนำเสนออีกครั้งหนึ่ง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่