ปลัด สธ. เผย 4 แนวทางขับเคลื่อนระบบบริการสาธารณสุข ต้องมีกลไกตรวจสอบระดับชาติ ปรับระบบบริการเป็นเขตสุขภาพ จัดสรรงบบัตรทองมีธรรมาภิบาล ประสิทธิภาพ มีระบบธรรมาภิบาล ตรวจสอบได้
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่ จ.นครราชสีมา นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างประชุมถ่ายทอดเทคโนโลยีและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อขับเคลื่อนกระทรวงสาธารณสุข แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ ว่า แนวทางปฏิรูปเพื่อขับเคลื่อนระบบบริการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมี 4 แนวทาง คือ 1. กลไกการตรวจสอบระดับชาติ โดยให้มีคณะกรรมาธิการสาธารณสุขเพื่อดูแลระบบการติดตามและตรวจสอบ กลไกและทิศทางการดำเนินงานในยุทธศาสตร์ต่างๆ ของ สธ. 2. ปรับระบบบริการเป็นเขตสุขภาพ ดูแลประชาชนได้ทั่วถึง ลดการกระจุกตัวของผู้ป่วย บริหารจัดการทรัพยากรร่วมกัน 3. จัดสรรเงินกองทุนบัตรทองให้มีธรรมาภิบาลและมีประสิทธิภาพ ไม่แตกเป็นกองทุนย่อยมากเกินไป จนขาดประสิทธิภาพ 4. ระบบธรรมาภิบาล จัดซื้อจัดจ้างด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกส่วน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งให้แต่ละเขตสุขภาพวางแผนและกระบวนการขับเคลื่อนร่วมกัน เพื่อให้ดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ใช้ข้อมูลบริบทของแต่ละพื้นที่ประกอบการวางแผนการดำเนินงาน แก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้ชัดเจน ตรงจุด และเสนอต่อการประชุมกับผู้ตรวจราชการ ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในสิ้น ก.พ. นี้ พร้อมเริ่มติดตามความก้าวหน้าและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเขตสุขภาพในช่วงกลาง เม.ย. 2558 เป็นต้นไป สำหรับงบประมาณการดำเนินงานทั้ง 10 สาขา ได้กำหนดเป็นโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างเพียงพอแล้ว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่ จ.นครราชสีมา นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างประชุมถ่ายทอดเทคโนโลยีและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อขับเคลื่อนกระทรวงสาธารณสุข แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ ว่า แนวทางปฏิรูปเพื่อขับเคลื่อนระบบบริการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมี 4 แนวทาง คือ 1. กลไกการตรวจสอบระดับชาติ โดยให้มีคณะกรรมาธิการสาธารณสุขเพื่อดูแลระบบการติดตามและตรวจสอบ กลไกและทิศทางการดำเนินงานในยุทธศาสตร์ต่างๆ ของ สธ. 2. ปรับระบบบริการเป็นเขตสุขภาพ ดูแลประชาชนได้ทั่วถึง ลดการกระจุกตัวของผู้ป่วย บริหารจัดการทรัพยากรร่วมกัน 3. จัดสรรเงินกองทุนบัตรทองให้มีธรรมาภิบาลและมีประสิทธิภาพ ไม่แตกเป็นกองทุนย่อยมากเกินไป จนขาดประสิทธิภาพ 4. ระบบธรรมาภิบาล จัดซื้อจัดจ้างด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกส่วน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งให้แต่ละเขตสุขภาพวางแผนและกระบวนการขับเคลื่อนร่วมกัน เพื่อให้ดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ใช้ข้อมูลบริบทของแต่ละพื้นที่ประกอบการวางแผนการดำเนินงาน แก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้ชัดเจน ตรงจุด และเสนอต่อการประชุมกับผู้ตรวจราชการ ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในสิ้น ก.พ. นี้ พร้อมเริ่มติดตามความก้าวหน้าและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเขตสุขภาพในช่วงกลาง เม.ย. 2558 เป็นต้นไป สำหรับงบประมาณการดำเนินงานทั้ง 10 สาขา ได้กำหนดเป็นโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างเพียงพอแล้ว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
