ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ วอนรัฐ หนุนงบช่วยลูกหลานแรงงานนับพันในศูนย์เด็กเล็ก ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพฯ อึ้งมูลนิธิฯรับภาระปีละกว่า10 ล้าน แต่รัฐช่วยเหลือแค่ 4 ล้าน ที่เหลือปล่อยพระหาเอง
พระธรรมวราจารย์ (หลวงปู่แบน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในฐานะผู้อำนวยการมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินการในศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินธรฯ 2 แห่งในจังหวัดนครปฐม และสมุทรปราการภายใต้การกำกับดูแลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ขาดการเหลียวแลจากภาครัฐ อยากให้รัฐบาลช่วยมาดูแลอย่างจริงจัง เพราะศูนย์เด็กเล็กทั้ง 2 แห่ง เป็นพื้นที่ตั้งของโรงงานเยอะ มีคนงานทั้งไทยและต่างด้าวจำนวนมาก พ่อแม่ที่ทำงานไม่มีเวลาดูแลลูกหลานจึงต้องเอาไปฝากไว้ในศูนย์ฯ ที่มูลนิธิร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ดูแลอยู่ ซึ่งขณะนี้มีเด็กกว่า 1,500 คน แต่ละปีใช้งบดูแลกว่า 13 ล้านบาท แต่รัฐบาลให้แค่ปีละ 4 ล้าน ที่เหลือมูลนิธิต้องหาเงินจากภายนอกมาช่วยเหลือ โดยเฉพาะเงินเดือนครูพี่เลี้ยงและค่าอาหาร ค่าขนม ของเด็กที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก
“ศูนย์นี้ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2536 ปีแรกได้งบ 4 ล้าน ผ่านมา 21 ปี ยังได้เท่าเดิม ทั้งที่อนาคตจะมีลูกหลานแรงงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องทำหน้าที่ดูแลเด็กจำนวนมาก แต่เงินที่รัฐให้มาไม่พอ อยากให้รัฐจัดงบเพิ่มขึ้น และให้สนับสนุนการตั้งศูนย์เด็กเล็กแห่งที่ 3 ใน จ.ปทุมธานี อาตมาได้ทำเรื่องของบไป 90 ล้าน เพื่อก่อสร้างอาคาร จ้างครูพี่เลี้ยงและอุปกรณ์การเรียน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ทำให้ต้องช่วยเหลือตัวเอง ต้องไปขอจากหน่วยงานอื่น” พระธรรมวราจารย์ กล่าว
นางขนิษฐา วิเศษเผ่า ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมสวัสดิการแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัยฯ จ.นครปฐม กล่าวว่า ศูนย์ฯ ทั้ง 2 แห่งมีปัญหาอาคารสถานที่และครูพี่เลี้ยงไม่เพียงพอ ทุกวันนี้ต้องรับดูแลเด็กอายุระหว่าง 2 ขวบครึ่งถึง 6 ขวบ เด็กเล็กอายุ 2 - 3 ขวบ ต้องอยู่รวมกันห้องละ 7 - 10 คน ต่อครู 1 คน ส่วนเด็กโตอยู่รวมกันห้องละกว่า 35 คน ทั้งที่มาตรฐานต้องอยู่ที่ 15 คน งบเงินเดือนครูที่มีประมาณ 100 คน ในแต่ละเดือนแทบไม่พอจ่าย และขณะนี้ศูนย์ฯ ใน จ.นครปฐม ได้ก่อสร้างอาคารเพิ่ม อยากให้ช่วยสนับสนุนเงินเดือนครู อุปกรณ์การศึกษา ค่าขนมและอาหารกลางวัน ทุกวันนี้เก็บจากผู้ปกครอง 600 บาทต่อคนต่อเดือน หรือเท่ากับเก็บวันละ 20 บาท แต่ยังไม่พอ และในวันที่ 2 - 6 ก.พ. กำลังเปิดรับสมัครเด็กรอบใหม่
นางขนิษฐา กล่าวอีกว่า การจัดตั้งศูนย์ฯ แห่งที่ 3 ใน จ.ปทุมธานี ทางนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดิน แต่ไม่มีงบในการจัดสร้างอาคาร เนื่องจากเป็นที่ดินเอกชนจึงไม่สามารถใช้งบรัฐได้ จึงต้องใช้วิธีให้เอกชนมอบที่ดินให้กับรัฐเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเอกชน
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานต้องสนับสนุนงบประมาณให้แก่ศูนย์เด็กเล็กทั้งสองแห่งเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระแรงงานในการดูแลบุตรหลาน รวมทั้งเป็นการดูแลให้เด็กมีพัฒนาการที่สมวัย โดยควรจะประเมินว่าในแต่ละปีต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนทั้งหมดเท่าใดและมีรายจ่ายในด้านใดบ้างโดยเฉพาะเงินเดือนครูพี่เลี้ยง ค่าอาหารและค่าขนมของเด็ก ซึ่งมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกปี จึงไม่ควรตั้งงบเท่าเดิมตลอด หากจะเก็บค่าอาหารเพิ่มจากผู้ปกครองจาก 600 บาท เป็น 605 - 610 บาทต่อเดือนนั้น ก็ควรเรียกประชุมผู้ปกครองว่ายินยอมให้เก็บเพิ่มและมีความสามารถในการจ่ายได้เท่าใด ทั้งนี้ ต้องไม่ผลักภาระให้ผู้ปกครองฝ่ายเดียว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
พระธรรมวราจารย์ (หลวงปู่แบน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในฐานะผู้อำนวยการมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินการในศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินธรฯ 2 แห่งในจังหวัดนครปฐม และสมุทรปราการภายใต้การกำกับดูแลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ขาดการเหลียวแลจากภาครัฐ อยากให้รัฐบาลช่วยมาดูแลอย่างจริงจัง เพราะศูนย์เด็กเล็กทั้ง 2 แห่ง เป็นพื้นที่ตั้งของโรงงานเยอะ มีคนงานทั้งไทยและต่างด้าวจำนวนมาก พ่อแม่ที่ทำงานไม่มีเวลาดูแลลูกหลานจึงต้องเอาไปฝากไว้ในศูนย์ฯ ที่มูลนิธิร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ดูแลอยู่ ซึ่งขณะนี้มีเด็กกว่า 1,500 คน แต่ละปีใช้งบดูแลกว่า 13 ล้านบาท แต่รัฐบาลให้แค่ปีละ 4 ล้าน ที่เหลือมูลนิธิต้องหาเงินจากภายนอกมาช่วยเหลือ โดยเฉพาะเงินเดือนครูพี่เลี้ยงและค่าอาหาร ค่าขนม ของเด็กที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก
“ศูนย์นี้ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2536 ปีแรกได้งบ 4 ล้าน ผ่านมา 21 ปี ยังได้เท่าเดิม ทั้งที่อนาคตจะมีลูกหลานแรงงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องทำหน้าที่ดูแลเด็กจำนวนมาก แต่เงินที่รัฐให้มาไม่พอ อยากให้รัฐจัดงบเพิ่มขึ้น และให้สนับสนุนการตั้งศูนย์เด็กเล็กแห่งที่ 3 ใน จ.ปทุมธานี อาตมาได้ทำเรื่องของบไป 90 ล้าน เพื่อก่อสร้างอาคาร จ้างครูพี่เลี้ยงและอุปกรณ์การเรียน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ทำให้ต้องช่วยเหลือตัวเอง ต้องไปขอจากหน่วยงานอื่น” พระธรรมวราจารย์ กล่าว
นางขนิษฐา วิเศษเผ่า ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมสวัสดิการแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัยฯ จ.นครปฐม กล่าวว่า ศูนย์ฯ ทั้ง 2 แห่งมีปัญหาอาคารสถานที่และครูพี่เลี้ยงไม่เพียงพอ ทุกวันนี้ต้องรับดูแลเด็กอายุระหว่าง 2 ขวบครึ่งถึง 6 ขวบ เด็กเล็กอายุ 2 - 3 ขวบ ต้องอยู่รวมกันห้องละ 7 - 10 คน ต่อครู 1 คน ส่วนเด็กโตอยู่รวมกันห้องละกว่า 35 คน ทั้งที่มาตรฐานต้องอยู่ที่ 15 คน งบเงินเดือนครูที่มีประมาณ 100 คน ในแต่ละเดือนแทบไม่พอจ่าย และขณะนี้ศูนย์ฯ ใน จ.นครปฐม ได้ก่อสร้างอาคารเพิ่ม อยากให้ช่วยสนับสนุนเงินเดือนครู อุปกรณ์การศึกษา ค่าขนมและอาหารกลางวัน ทุกวันนี้เก็บจากผู้ปกครอง 600 บาทต่อคนต่อเดือน หรือเท่ากับเก็บวันละ 20 บาท แต่ยังไม่พอ และในวันที่ 2 - 6 ก.พ. กำลังเปิดรับสมัครเด็กรอบใหม่
นางขนิษฐา กล่าวอีกว่า การจัดตั้งศูนย์ฯ แห่งที่ 3 ใน จ.ปทุมธานี ทางนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดิน แต่ไม่มีงบในการจัดสร้างอาคาร เนื่องจากเป็นที่ดินเอกชนจึงไม่สามารถใช้งบรัฐได้ จึงต้องใช้วิธีให้เอกชนมอบที่ดินให้กับรัฐเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเอกชน
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานต้องสนับสนุนงบประมาณให้แก่ศูนย์เด็กเล็กทั้งสองแห่งเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระแรงงานในการดูแลบุตรหลาน รวมทั้งเป็นการดูแลให้เด็กมีพัฒนาการที่สมวัย โดยควรจะประเมินว่าในแต่ละปีต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนทั้งหมดเท่าใดและมีรายจ่ายในด้านใดบ้างโดยเฉพาะเงินเดือนครูพี่เลี้ยง ค่าอาหารและค่าขนมของเด็ก ซึ่งมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกปี จึงไม่ควรตั้งงบเท่าเดิมตลอด หากจะเก็บค่าอาหารเพิ่มจากผู้ปกครองจาก 600 บาท เป็น 605 - 610 บาทต่อเดือนนั้น ก็ควรเรียกประชุมผู้ปกครองว่ายินยอมให้เก็บเพิ่มและมีความสามารถในการจ่ายได้เท่าใด ทั้งนี้ ต้องไม่ผลักภาระให้ผู้ปกครองฝ่ายเดียว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
