เด็กแรกเกิดป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ไม่ลดลง แต่พบเข้าถึงการรักษาเพิ่ม หลังทีมสหวิชาชีพร่วมเครือข่ายทำงานเชิงรุก พร้อมมีบัตรทองรองรับค่ารักษาและฟื้นฟู ช่วยลดความพิการ
รศ.นพ.วิชัย ชี้เจริญ นายกสมาคมความพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ ใบหน้า และศีรษะ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาวะ “ปากแหว่งเพดานโหว่” เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดของการเจริญของใบหน้าระหว่างการตั้งครรภ์ ผู้ป่วยเหล่านี้ควรได้รับการรักษาแก้ไขแรกเริ่มตั้งแต่อายุ 3 เดือน ไม่ควรอายุเกิน 3 ปี และต้องได้รับรักษาผ่าตัดต่อเนื่องที่เป็นไปตามเกณฑ์อายุ เพื่อแก้ไขและลดความพิการให้กลับเป็นปกติได้ ในอดีตผู้ป่วยเหล่านี้มีปัญหาการเข้าถึงการรักษา โดยเฉพาะจากจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดที่มีน้อย การจำกัดการผ่าตัดที่ทำได้เฉพาะในโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาทีมสหวิชาชีพเพื่อแก้ไขภาวะปากแหว่งเพดานโหว่และเครือข่ายต่างๆ จึงได้ร่วมกันพัฒนาศักยภาพเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ จากการดำเนินโครงการเชิงรุกในการค้นหาผู้ป่วยโดยสภากาชาดไทย ซึ่งได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ “โครงการยิ้มสวย เสียงใส” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ป่วยที่ต้องได้รับผ่าตัดการเข้าถึงการรักษา ประกอบกับการผ่าตัดรักษาปัจจุบันสามารถทำได้ในโรงพยาบาลสังกัด สธ. ทั้งยังมีสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ารองรับในการเบิกจ่ายการผ่าตัดรักษาที่ต้องทำต่อเนื่อง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง
“อุบัติการณ์ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ปัจจุบันและในอดีตไม่แตกต่างกันมาก โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีรายงานพบผู้ป่วยมากที่สุด คือ 2.6 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ ภาคใต้ 1.03 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ และภาคเหนืออยู่ที่ 1.5 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ โดยภาพรวมทั้งประเทศของแต่ละปีจะอยู่ที่ 1.8-2 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ปัจจุบันสามารถเข้าถึงการรักษาตามอายุที่เหมาะสมและต่อเนื่องเพิ่มขึ้น จากการดำเนินงานเชิงรุกและการมีสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” นายกสมาคมความพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ฯ กล่าว และว่า ทั้งนี้ การรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ผู้ป่วยต้องได้รับผ่าตัดต่อเนื่องเฉลี่ย 5 ครั้งต่อราย ไม่สามารถผ่าตัดได้ในครั้งเดียว ซึ่งผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลและผ่าตัดอย่างถูกวิธีจะลดความพิการกลับมาอยู่ในภาวะปกติได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
รศ.นพ.วิชัย ชี้เจริญ นายกสมาคมความพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ ใบหน้า และศีรษะ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาวะ “ปากแหว่งเพดานโหว่” เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดของการเจริญของใบหน้าระหว่างการตั้งครรภ์ ผู้ป่วยเหล่านี้ควรได้รับการรักษาแก้ไขแรกเริ่มตั้งแต่อายุ 3 เดือน ไม่ควรอายุเกิน 3 ปี และต้องได้รับรักษาผ่าตัดต่อเนื่องที่เป็นไปตามเกณฑ์อายุ เพื่อแก้ไขและลดความพิการให้กลับเป็นปกติได้ ในอดีตผู้ป่วยเหล่านี้มีปัญหาการเข้าถึงการรักษา โดยเฉพาะจากจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดที่มีน้อย การจำกัดการผ่าตัดที่ทำได้เฉพาะในโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาทีมสหวิชาชีพเพื่อแก้ไขภาวะปากแหว่งเพดานโหว่และเครือข่ายต่างๆ จึงได้ร่วมกันพัฒนาศักยภาพเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ จากการดำเนินโครงการเชิงรุกในการค้นหาผู้ป่วยโดยสภากาชาดไทย ซึ่งได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ “โครงการยิ้มสวย เสียงใส” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ป่วยที่ต้องได้รับผ่าตัดการเข้าถึงการรักษา ประกอบกับการผ่าตัดรักษาปัจจุบันสามารถทำได้ในโรงพยาบาลสังกัด สธ. ทั้งยังมีสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ารองรับในการเบิกจ่ายการผ่าตัดรักษาที่ต้องทำต่อเนื่อง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง
“อุบัติการณ์ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ปัจจุบันและในอดีตไม่แตกต่างกันมาก โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีรายงานพบผู้ป่วยมากที่สุด คือ 2.6 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ ภาคใต้ 1.03 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ และภาคเหนืออยู่ที่ 1.5 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ โดยภาพรวมทั้งประเทศของแต่ละปีจะอยู่ที่ 1.8-2 รายต่อทารกพันรายของการเกิดมีชีพ ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ปัจจุบันสามารถเข้าถึงการรักษาตามอายุที่เหมาะสมและต่อเนื่องเพิ่มขึ้น จากการดำเนินงานเชิงรุกและการมีสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” นายกสมาคมความพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ฯ กล่าว และว่า ทั้งนี้ การรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ผู้ป่วยต้องได้รับผ่าตัดต่อเนื่องเฉลี่ย 5 ครั้งต่อราย ไม่สามารถผ่าตัดได้ในครั้งเดียว ซึ่งผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลและผ่าตัดอย่างถูกวิธีจะลดความพิการกลับมาอยู่ในภาวะปกติได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่