สื่อนอกรุมจวก แนวคิด “บิ๊กเต่า” นำนักโทษทำงานประมง ละเมิดสิทธิมนุษยชน เสี่ยงถูกบังคับใช้แรงงาน ก.แรงงาน รุดแถลงยันเป็นแค่แนวคิดสร้างอาชีพให้คนไทย ไม่ใช่นโยบาย ขณะที่มีนักโทษสนใจแค่ 7 คน เตรียมพับเก็บโครงการ พร้อมร่อนหนังสือชี้แจง
วันนี้ (15 ม.ค.) นายอารักษ์ พรหมณี รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ เอเอฟพี เอพี รอยเตอร์ อ้างข้อมูลการรายงานขององค์การนอกภาครัฐระหว่างประเทศซึ่งทำวิจัยและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch-HRW) สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก โจมตีแนวคิดของกระทรวงแรงงานไทย ที่จะนำนักโทษไปทำงานบนเรือประมง ระบุเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเสี่ยงที่จะถูกใช้เป็นแรงงานบังคับ ซึ่งเป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดยการนำนักโทษไปทำงานในเรือประมงเป็นเพียงนโยบายให้คนไทยทุกกลุ่มมีงานทำไม่ได้เน้นเฉพาะนักโทษ โดยอาชีพทำงานประมง เป็นเพียงหนึ่งในหลายอาชีพที่เสนอให้เท่านั้น หากมีผู้สนใจก็จะมีการฝึกอบรมและหางานให้ ไม่ใช่การบังคับแต่อย่างใด
นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า การนำนักโทษไปทำงานในเรือประมง เป็นความร่วมมือของกรมการจัดหางาน (กกจ.) กับกรมราชทันฑ์ มีเจตนาให้คนไทยทุกคนมีงานทำเท่านั้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่จะพ้นโทษ เป็นเพียงการนำเสนออาชีพไม่มีการบังคับ ซึ่งหลังจากมีแนวคิดก็ได้สอบถามความสมัครใจจากกลุ่มนักโทษ ปรากฏว่า มีผู้สนใจสมัครทำงานเพียง 7 - 8 รายเท่านั้น อีกทั้งคนที่ไม่เคยลงเรืออาจจะไม่อยากทำงานในเรือ เมื่อแนวคิดนี้ไม่ได้รับความสนใจก็ต้องล้มเลิก และที่ผ่านมา กลุ่มเอ็นจีโอก็เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่บนเรือ แต่เป็นสภาพแวดล้อมของการทำงานบนเรือตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งกระทรวงแรงงานก็ได้มีการแก้ไขกฎกระทรวงแรงงานว่าด้วยการจ้างงานในกิจการประมง ทั้งนี้ คนอาจจะยังติดภาพความทารุณที่เกิดจากช่องว่างทางกฎหมาย แต่ปัจจุบัน มีกฎหมายใหม่ในการให้ความคุ้มครองดูแล ขณะที่กลุ่ม HRW ในไทยได้ไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรี จึงจะทำหนังสือเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (15 ม.ค.) นายอารักษ์ พรหมณี รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ เอเอฟพี เอพี รอยเตอร์ อ้างข้อมูลการรายงานขององค์การนอกภาครัฐระหว่างประเทศซึ่งทำวิจัยและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch-HRW) สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก โจมตีแนวคิดของกระทรวงแรงงานไทย ที่จะนำนักโทษไปทำงานบนเรือประมง ระบุเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเสี่ยงที่จะถูกใช้เป็นแรงงานบังคับ ซึ่งเป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดยการนำนักโทษไปทำงานในเรือประมงเป็นเพียงนโยบายให้คนไทยทุกกลุ่มมีงานทำไม่ได้เน้นเฉพาะนักโทษ โดยอาชีพทำงานประมง เป็นเพียงหนึ่งในหลายอาชีพที่เสนอให้เท่านั้น หากมีผู้สนใจก็จะมีการฝึกอบรมและหางานให้ ไม่ใช่การบังคับแต่อย่างใด
นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า การนำนักโทษไปทำงานในเรือประมง เป็นความร่วมมือของกรมการจัดหางาน (กกจ.) กับกรมราชทันฑ์ มีเจตนาให้คนไทยทุกคนมีงานทำเท่านั้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่จะพ้นโทษ เป็นเพียงการนำเสนออาชีพไม่มีการบังคับ ซึ่งหลังจากมีแนวคิดก็ได้สอบถามความสมัครใจจากกลุ่มนักโทษ ปรากฏว่า มีผู้สนใจสมัครทำงานเพียง 7 - 8 รายเท่านั้น อีกทั้งคนที่ไม่เคยลงเรืออาจจะไม่อยากทำงานในเรือ เมื่อแนวคิดนี้ไม่ได้รับความสนใจก็ต้องล้มเลิก และที่ผ่านมา กลุ่มเอ็นจีโอก็เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่บนเรือ แต่เป็นสภาพแวดล้อมของการทำงานบนเรือตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งกระทรวงแรงงานก็ได้มีการแก้ไขกฎกระทรวงแรงงานว่าด้วยการจ้างงานในกิจการประมง ทั้งนี้ คนอาจจะยังติดภาพความทารุณที่เกิดจากช่องว่างทางกฎหมาย แต่ปัจจุบัน มีกฎหมายใหม่ในการให้ความคุ้มครองดูแล ขณะที่กลุ่ม HRW ในไทยได้ไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรี จึงจะทำหนังสือเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
