ไฟไหม้ บ.ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.อยุธยา เบื้องต้นยังสกัดเพลิงไหม้บนชั้นสูงๆ ไม่ได้ ทำควันพิษจากกรดเกลือกระจายตัวด้านหลังนิคมฯ ประสาน จนท.เร่งอพยพคนงานออก รพ.บางปะอินร่วมเทศบาลประกาศเตือนชาวบ้านเฝ้าระวังรับมือควันพิษ ส่วนผู้บาดเจ็บพบรวม 18 ราย นอนพักรักษาตัว 1 คนไร้คนเสียชีวิต เร่งสอบสาเหตุ
วันนี้ (12 ม.ค.) นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณชั้น 4 บริษัท เอพีซีบี ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีลูกจ้าง 1,800 คน ล่าสุด สามารถควบคุมเพลิงได้วงจำกัด แต่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีข้อมูลว่าในบางพื้นที่ของตึก มีสารเคมีประเภทตัวทำละลาย (Solvent) กรดเกลือ (Hydrogen Chloride) ที่เก็บไว้จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นไม่มีลูกจ้างได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตโดยจะตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป
นพ.พิทยา ไพบูลย์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้บริษัทผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินประมาณ 15-16 คน ส่วนใหญ่มีอาการสำลักควัน โดยขณะนี้มี 1 รายต้องนอนพักรักษาตัวที่ รพ.บางปะอิน 1 คน แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรง เพียงแค่เฝ้าสังเกตอาการเท่านั้น ทั้งนี้ ในบริษัทดังกล่าวมีสารเคมีที่เป็นกรดเกลือในการทำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งต้องระมัดระวัง เพราะหากสูดกรดเกลือเข้าไปโดยตรงส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจอุดตัน บวม หายใจหอบ หากสูดเข้าไปมากจนมีอาการรุนแรงกรดเกลือก็จะไปทำลายปอด นอกจากนี้ หากกรดเกลือสัมผัสผิวหนังก็จะกัดทำให้ผิวหนังเป็นแผลด้วย แต่ขณะนี้ไม่มีผู้ป่วยรายใดที่ได้รับสารเคมีดังกล่าวโดยตรง
นพ.เลิศชัย จิตต์เสรี ผู้อำนวยการ รพ.บางปะอิน กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยจากเหตุการณ์ไฟไหม้มาที่ รพ.บางปะอิน จำนวน 16 ราย ไม่มีผู้ป่วยมารับการรักษาเพิ่มแล้ว อย่างไรก็ตาม พบว่ามี 1 ราย ที่มีอาการสำลักควันเล็กน้อย ทำให้หายใจไม่สะดวก ประกอบกับมีความตื่นตระหนก เลยให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 15 คนที่เหลือ แพทย์ได้เอกซเรย์ ตรวจร่างกาย และให้ยากรักษาจนอาการดีขึ้นทุกคน สามารถกลับบ้านได้ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยไปรับการรัษาที่ รพ.การุญเวช อยุธยา อีก 2 คน แต่อาการไม่รุนแรงเช่นกัน
นพ.เลิศชัย กล่าวว่า รพ.บางปะอิน ได้ประสานกับ รพ.วังน้อย ประสานส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปประจำบริเวณหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอินตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุแล้ว นอกจากนี้ ยังส่งเจ้าหน้าที่ประสานกับสื่อทางเทศบาลประกาศมาตรการป้องกันตัวเองจากควันของการเผาไหม้สารเคมีแก่ประชาชนบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทราบ โดยเฉพาะไฮโดรคลอริกแอซิด หรือกรดเกลือ เนื่องจากขณะนี้ทราบว่าไฟยังไม่ดับสนิท เนื่องจากเป็นตึกสูง แต่เทศบาลไม่มีเครื่องดับไฟสำหรับตึกสูงเช่นนี้ ทำให้ควันจำนวนมากต่างกระจายตัวไปด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมฯ จึงต้องมีการเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ เพราะสารดังกล่าวมีฤทธิ์เป็นกรด อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน แต่ถ้าไม่สูดควันโดยตรง ก็ไม่น่าจะมีอาการรุนแรงอะไร ทั้งนี้ ได้ประสาน ผอ.นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินแล้ว พบว่า ทางนิคมฯได้อพยพคนในเขตนิคมฯ รอบๆ ออกแล้ว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (12 ม.ค.) นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณชั้น 4 บริษัท เอพีซีบี ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีลูกจ้าง 1,800 คน ล่าสุด สามารถควบคุมเพลิงได้วงจำกัด แต่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีข้อมูลว่าในบางพื้นที่ของตึก มีสารเคมีประเภทตัวทำละลาย (Solvent) กรดเกลือ (Hydrogen Chloride) ที่เก็บไว้จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นไม่มีลูกจ้างได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตโดยจะตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป
นพ.พิทยา ไพบูลย์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้บริษัทผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินประมาณ 15-16 คน ส่วนใหญ่มีอาการสำลักควัน โดยขณะนี้มี 1 รายต้องนอนพักรักษาตัวที่ รพ.บางปะอิน 1 คน แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรง เพียงแค่เฝ้าสังเกตอาการเท่านั้น ทั้งนี้ ในบริษัทดังกล่าวมีสารเคมีที่เป็นกรดเกลือในการทำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งต้องระมัดระวัง เพราะหากสูดกรดเกลือเข้าไปโดยตรงส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจอุดตัน บวม หายใจหอบ หากสูดเข้าไปมากจนมีอาการรุนแรงกรดเกลือก็จะไปทำลายปอด นอกจากนี้ หากกรดเกลือสัมผัสผิวหนังก็จะกัดทำให้ผิวหนังเป็นแผลด้วย แต่ขณะนี้ไม่มีผู้ป่วยรายใดที่ได้รับสารเคมีดังกล่าวโดยตรง
นพ.เลิศชัย จิตต์เสรี ผู้อำนวยการ รพ.บางปะอิน กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยจากเหตุการณ์ไฟไหม้มาที่ รพ.บางปะอิน จำนวน 16 ราย ไม่มีผู้ป่วยมารับการรักษาเพิ่มแล้ว อย่างไรก็ตาม พบว่ามี 1 ราย ที่มีอาการสำลักควันเล็กน้อย ทำให้หายใจไม่สะดวก ประกอบกับมีความตื่นตระหนก เลยให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 15 คนที่เหลือ แพทย์ได้เอกซเรย์ ตรวจร่างกาย และให้ยากรักษาจนอาการดีขึ้นทุกคน สามารถกลับบ้านได้ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยไปรับการรัษาที่ รพ.การุญเวช อยุธยา อีก 2 คน แต่อาการไม่รุนแรงเช่นกัน
นพ.เลิศชัย กล่าวว่า รพ.บางปะอิน ได้ประสานกับ รพ.วังน้อย ประสานส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปประจำบริเวณหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอินตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุแล้ว นอกจากนี้ ยังส่งเจ้าหน้าที่ประสานกับสื่อทางเทศบาลประกาศมาตรการป้องกันตัวเองจากควันของการเผาไหม้สารเคมีแก่ประชาชนบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทราบ โดยเฉพาะไฮโดรคลอริกแอซิด หรือกรดเกลือ เนื่องจากขณะนี้ทราบว่าไฟยังไม่ดับสนิท เนื่องจากเป็นตึกสูง แต่เทศบาลไม่มีเครื่องดับไฟสำหรับตึกสูงเช่นนี้ ทำให้ควันจำนวนมากต่างกระจายตัวไปด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมฯ จึงต้องมีการเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ เพราะสารดังกล่าวมีฤทธิ์เป็นกรด อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน แต่ถ้าไม่สูดควันโดยตรง ก็ไม่น่าจะมีอาการรุนแรงอะไร ทั้งนี้ ได้ประสาน ผอ.นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินแล้ว พบว่า ทางนิคมฯได้อพยพคนในเขตนิคมฯ รอบๆ ออกแล้ว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่