พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้โรงงานบริษัท เอพีซีบีฯ ในนิคมฯ บางปะอิน ขณะที่การนิคมฯ สั่งการให้โรงงานหยุดกิจการเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมความเสียหายเป็นเวลา 6 เดือน หากยังซ่อมแซมไม่เสร็จก็จะขยายเวลาออกไป พร้อมกับให้จ่ายค่าสวัสดิการให้แก่พนักงานตามกฎหมายแรงงาน ขณะที่คนงานกว่า 1 พันคนเริ่มเคว้ง หลังทางโรงงานยังไม่มีความชัดเจน คาดเสียหายเบื้องต้นกว่า 100 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โรงงานของบริษัท เอพีซีบี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เลขที่ 139/2 หมู่ 2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้า เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้เมื่อเวลา 03.00 น.ของวันนี้ (13 ม.ค.) และเมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกเพลิงไหม้เพื่อหาสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้แล้วว่าเกิดจากสาเหตุใด
สำหรับความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าน่าจะกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดต่อตัวอาคาร และระบบการผลิต แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าตัวเลขความเสียหายแท้จริงนั้นจำนวนเท่าไรกันแน่
ในส่วนของการนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ได้สั่งการให้โรงงานดังกล่าวหยุดกิจการเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมความเสียหายเป็นเวลา 6 เดือน หากยังซ่อมแซมไม่เสร็จก็จะขยายเวลาออกไป ขณะที่ทางโรงงานได้ประกาศให้ทางพนักงานทั้งหมดหยุดงานเป็นเวลา 3 วัน
ขณะที่พนักงานซึ่งมีกว่า 1,000 คน เริ่มมีข้อสงสัยขึ้นมาว่า แล้ววันที่ 4 จะให้ทำอย่างไร จะให้หยุดทำงาน หรือว่าทำต่อ หรือจะเลิกจ้าง ซึ่งทางโรงงานไม่มีการประกาศออกมาให้เกิดความชัดเจน มีแต่เพียงการประกาศเสียงตามสายให้หยุดงาน 3 วัน พร้อมจ่ายเงินทุกวันเท่านั้น และประกาศให้หัวหน้าแผนกเข้าไปเก็บของที่อยู่ภายในได้เพียงเท่านั้น
ต่อมา ช่วงบ่ายวันนี้ (13 ม.ค.) ที่ห้องประชุมการนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการตรวจสอบสภาพโรงานที่ถูกไฟไหม้ โดยมี น.ส.กฤตยาพร ทัพภะทัต รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย โยธาธิการจังหวัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ผู้บริหารโรงงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมประชุม
หลังจากการประชุม น.ส.กฤตยาพร เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังเข้าไปตรวจโรงงานที่ถูกไฟไหม้ไม่ได้ เนื่องจากเมื่อช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ของการนิคมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ควบคุมมลพิษ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้าไปตรวจพื้นที่อาคารที่ถูกไฟไหม้ ปรากฏว่า มีกลิ่นของสารเคมีฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณอาคาร เบื้องต้น วัดอากาศ ปรากฏว่า ค่าของอากาศบางตัวเกินมาตรฐาน ส่งกลิ่นเหม็นมากเข้าไปแล้วอาจจะได้รับอันตราย เพราะสารเคมีบางตัวเป็นกรด ต้องทิ้งช่วงประมาณ 3-4 วันให้กลิ่นระเหยไปตามธรรมชาติ และจะสรุปอีกครั้งก่อนที่จะเข้าไปตรวจ
“เบื้องต้นทางนิคมอุตสาหกรรมได้ให้โรงงานหยุด 6 เดือน ส่วนสวัสดิการต่างๆ ของพนักงานโรงงานจะต้องจ่ายตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีปัญหา สำหรับน้ำที่ฉีดให้ไฟดับทางนิคมฯ ได้ปิดทางระบายน้ำไม่ให้ไหลเข้าบ่อบำบัดเพราะจะทำให้เกิดอันตราย น้ำทั้งหมดมีทางระบายไปตามคูรอบโรงงานซึ่งจะไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด” น.ส.กฤตยาพร กล่าว
