รพ.บรบือ ทำถุงทรายหนัก 0.5 กิโลกรัม บริหารข้อเข่า พบช่วยการทำงานของข้อเข่าคนอ้วนดีขึ้นจาก 27% เป็น 91% ชี้ช่วยป้องกันข้อเข่่าเสื่อมที่มีประสิทธิภาพสูง ต้นทุนต่ำ เพียงถุงละ 90 บาท แนะคนอ้วนควรควบคุมน้ำหนักร่วมด้วย
น.ส.ปาริชาติ สัตย์ญารักษ์ นักวิชาการสาธารณสุข ประจำโรงพยาบาลบรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ได้นำเสนอผลงานการศึกษาวิจัย เรื่องผลการใช้โปรแกรมการออกกำลังกายด้วยถุงทรายในการป้องกันข้อเข่าเสื่อมของผู้ที่มีภาวะอ้วน ในตำบลบรบือ ว่า หมู่บ้านนาดี ต.บรบือ ประชาชนมีปัญหาข้อเข้าเสื่อม 87 คน ทั้งวัยแรงงาน และผู้สูงอายุ เกิดมาจากการสึกกร่อนของผิวข้อกระดูกอ่อน เนื่องจากอายุมาก ใช้งานข้อเข่ามาก แต่มักเกิดกับคนที่เป็นโรคอ้วน เนื่องจากข้อเข่าต้องรับน้ำหนักตัว และเกิดแรงกดทับที่ผิวข้อ เกิดการขัดสีกัน ทำให้ข้อเข่าบวม และมีอาการปวด หากรุนแรงจะเดินไม่ได้ ต้องรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งหลังผ่าตัดต้องใช้เวลาฝึกเดิน และมีค่าใช้จ่ายสูง
น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า การป้องกันปัญหาข้อเข่าเสื่อม โดยเฉพาะกลุ่มคนอ้วน จากการศึกษาพบว่า หมู่บ้านนาดี คนที่มีดัชนีมวลกายสูงกว่า 25 กก./ตร.ม. มี 22 คน จึงพัฒนาโปรแกรมออกกำลังกายบริหารข้อเข่าด้วยถุงทรายที่พัฒนาขึ้นเอง มีน้ำหนักครึ่งกิโลกรัม โดยได้บรรยายให้ความรู้โรคข้อเข่าเสื่อม ปัจจัยเสี่ยง ความรุนแรงของโรค และพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การออกกำลังกายด้วยถุงทราย เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างรับรู้ความรุนแรง และออกกำลังกายด้วยถุงทรายที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น โดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน ให้กลุ่มตัวอย่างทั้ง 22 คนที่อยู่บ้านใกล้กัน จับคู่กันเป็นบัดดี้-ปุ้มปุ้ย ช่วยเหลือกัน กระตุ้นให้ออกกำลังกายตามคู่มือ จำนวน 12 ท่า ทั้งท่านั่ง ท่านอน และท่ายืน ต่อเนื่องจนครบ 12 สัปดาห์
“ผลการศึกษาพบว่า ภายหลังทำกิจกรรมครบ 12 สัปดาห์ กลุ่มตัวอย่างทั้ง 22 คน มีระดับการตอบสนองของข้อเข่าในระดับปกติร้อยละ 91 สูงกว่าก่อนทำกิจกรรมที่มีการตอบสนองระดับปกติเพียงร้อยละ 27 ซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาข้อเข่าเสื่อมที่ใช้ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง แสดงให้เห็นว่าหากผู้ที่มีภาวะอ้วนออกกำลังกายบริหารขา และข้อเข่าด้วยถุงทราย จะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่ามีความแข็งแรง การเคลื่อนไหวข้อเข่าดีขึ้น แต่จะต้องมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้มีการปฏิบัติจนเป็นนิสัย กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต ควบคู่กับการควบคุมน้ำหนักตัว เพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมในอนาคต” น.ส.ปาริชาติ กล่าว
น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า สำหรับถุงทรายที่ใช้บริหารข้อเข่า มีขนาดกว้าง 5 นิ้ว ยาว 11 นิ้ว ใช้ทรายวิทยาศาสตร์น้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม ตัดเย็บด้วยผ้ายืด และมีสายล็อกพันรอบข้อเท้า ไม่มีปัญหาอับชื้น มีราคาต้นทุนถูกเพียงถุงละ 90 บาท อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หลีกเลี่ยงการใช้ข้อเข่ามากเกินไป หรือใช้ในท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น นั่งยองๆ นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ที่สำคัญทั้งคนอ้วน และไม่อ้วนควรบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเพื่อช่วยพยุงข้อเข่าให้ไม่ให้แบกรับน้ำหนักมากจนเกินไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
น.ส.ปาริชาติ สัตย์ญารักษ์ นักวิชาการสาธารณสุข ประจำโรงพยาบาลบรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ได้นำเสนอผลงานการศึกษาวิจัย เรื่องผลการใช้โปรแกรมการออกกำลังกายด้วยถุงทรายในการป้องกันข้อเข่าเสื่อมของผู้ที่มีภาวะอ้วน ในตำบลบรบือ ว่า หมู่บ้านนาดี ต.บรบือ ประชาชนมีปัญหาข้อเข้าเสื่อม 87 คน ทั้งวัยแรงงาน และผู้สูงอายุ เกิดมาจากการสึกกร่อนของผิวข้อกระดูกอ่อน เนื่องจากอายุมาก ใช้งานข้อเข่ามาก แต่มักเกิดกับคนที่เป็นโรคอ้วน เนื่องจากข้อเข่าต้องรับน้ำหนักตัว และเกิดแรงกดทับที่ผิวข้อ เกิดการขัดสีกัน ทำให้ข้อเข่าบวม และมีอาการปวด หากรุนแรงจะเดินไม่ได้ ต้องรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งหลังผ่าตัดต้องใช้เวลาฝึกเดิน และมีค่าใช้จ่ายสูง
น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า การป้องกันปัญหาข้อเข่าเสื่อม โดยเฉพาะกลุ่มคนอ้วน จากการศึกษาพบว่า หมู่บ้านนาดี คนที่มีดัชนีมวลกายสูงกว่า 25 กก./ตร.ม. มี 22 คน จึงพัฒนาโปรแกรมออกกำลังกายบริหารข้อเข่าด้วยถุงทรายที่พัฒนาขึ้นเอง มีน้ำหนักครึ่งกิโลกรัม โดยได้บรรยายให้ความรู้โรคข้อเข่าเสื่อม ปัจจัยเสี่ยง ความรุนแรงของโรค และพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การออกกำลังกายด้วยถุงทราย เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างรับรู้ความรุนแรง และออกกำลังกายด้วยถุงทรายที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น โดยใช้เทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน ให้กลุ่มตัวอย่างทั้ง 22 คนที่อยู่บ้านใกล้กัน จับคู่กันเป็นบัดดี้-ปุ้มปุ้ย ช่วยเหลือกัน กระตุ้นให้ออกกำลังกายตามคู่มือ จำนวน 12 ท่า ทั้งท่านั่ง ท่านอน และท่ายืน ต่อเนื่องจนครบ 12 สัปดาห์
“ผลการศึกษาพบว่า ภายหลังทำกิจกรรมครบ 12 สัปดาห์ กลุ่มตัวอย่างทั้ง 22 คน มีระดับการตอบสนองของข้อเข่าในระดับปกติร้อยละ 91 สูงกว่าก่อนทำกิจกรรมที่มีการตอบสนองระดับปกติเพียงร้อยละ 27 ซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาข้อเข่าเสื่อมที่ใช้ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง แสดงให้เห็นว่าหากผู้ที่มีภาวะอ้วนออกกำลังกายบริหารขา และข้อเข่าด้วยถุงทราย จะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่ามีความแข็งแรง การเคลื่อนไหวข้อเข่าดีขึ้น แต่จะต้องมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้มีการปฏิบัติจนเป็นนิสัย กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต ควบคู่กับการควบคุมน้ำหนักตัว เพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมในอนาคต” น.ส.ปาริชาติ กล่าว
น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า สำหรับถุงทรายที่ใช้บริหารข้อเข่า มีขนาดกว้าง 5 นิ้ว ยาว 11 นิ้ว ใช้ทรายวิทยาศาสตร์น้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม ตัดเย็บด้วยผ้ายืด และมีสายล็อกพันรอบข้อเท้า ไม่มีปัญหาอับชื้น มีราคาต้นทุนถูกเพียงถุงละ 90 บาท อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หลีกเลี่ยงการใช้ข้อเข่ามากเกินไป หรือใช้ในท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น นั่งยองๆ นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ที่สำคัญทั้งคนอ้วน และไม่อ้วนควรบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเพื่อช่วยพยุงข้อเข่าให้ไม่ให้แบกรับน้ำหนักมากจนเกินไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่