อย. เตรียมเผายานรกกว่า 2,100 กิโลกรัม มูลค่า 6.5 พันล้านบาท วันที่ 18 ธ.ค. นี้ เผยเผาเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เผยสร้างคลังเก็บยาเสพติดใหม่แก้ปัญหาของกลางล้นคลัง วงเงินกว่า 100 ล้านบาท ระบุอยู่ระหว่างการขายแบบ ประกวดราคา
วันนี้ (11 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางครั้งที่ 44 ว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นต้น จัดให้มีกำหนดเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางที่สิ้นสุดคดีความแล้วเป็นรอบ 2 ของปี 2557 ในวันที่ 18 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ปริมาณยาเสพติดที่จะเผาทำลายมีประมาณ 2,167 กิโลกรัม จาก 1,059 คดี รวมมูลค่า 6,565 ล้านบาท แบ่งเป็น เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า 1,754 กิโลกรัม หรือ 19 ล้านเม็ด มูลค่า 5,847 ล้านบาท ยาไอซ์ 318 กิโลกรัม มูลค่า 637 ล้านบาท เฮโรอีน 86 กิโลกรัม มูลค่า 68 ล้านบาท โคคาอีน 3 กิโลกรัม มูลค่า 10 ล้านบาท เอ็กซ์ตาซี หรือยาอี 0.45 กิโลกรัม มูลค่า 1.8 ล้านบาท ฝิ่น 0.81 กิโลกรัม มูลค่า 2.5 หมื่นบาท
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีกัญชาของกลางที่กองบัญชาการตำตรวจปราบปรามยาเสพติดร่วมเผา จำนวน 2,933 กิโลกรัม มูลค่า 7 ล้านบาท และกัญชาของกลาง จ.อุบลราชธานี จำนวนกว่า 2,546 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ทั้งนี้ การเผาทำลายจะมี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เผาทำลายด้วยวิธีไพโรไลติก อินซิเนอเรชั่น ด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 850 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้เกิดการสลายตัวของโมเลกุลกลายเป็นคาร์บอนในระยะเวลาอันรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อม
ด้าน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ก่อนจะนำไปเผาทำลายนั้น วันที่ 17 ธ.ค. อย. จะมีการตรวจเช็กและชั่งน้ำหนักของยาเสพติดให้โทษของกลางและแยกประเภท หลังจากนั้น ก็จะนำไปแพ็กใส่กล่อง ซึ่งคลังเก็บยาเสพติดของ อย. มีความปลอดภัยสูง เพราะในการเปิดจะมีผู้ถือกุญแจถึง 6 คน และก่อนเปิดต้องขออนุญาตจาก อย.ก่อนทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้นจะมาตรการรักษาความปลอดภัย แบ่งเป็นหลายทีม เช่น ทีมรักษาความปลอดภัย มีรถนำขบวน มีรถคอยกันรถคันอื่นๆ ที่จะแทรกเข้ามาในขบวน และมีหน่วยคอมมานโดคอยคุ้มกัน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 ลำ คอยคุ้มกันของกลาง และอีก 1 ลำคอยพาช่างภาพเก็บภาพการขนย้ายตลอดทาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นับแต่นี้จะกำหนดให้เผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางที่คดีสิ้นสุดแล้วปีละ 2 ครั้งหรือไม่ นพ.บุญชัย กล่าวว่า อย. จะเผาทำลายเป็นปกติในช่วงวันที่ 26 มิ.ย. ของทุกปีอยู่แล้ว แต่การเผาครั้งที่ 2 ของปีนี้มาจากนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งปีถัดไปจะเผาเพิ่มหรือไม่นั้นคงอยู่ที่นโยบาย และปริมาณของกลางที่สิ้นสุดคดีแล้วมีมากน้อยเพียงไร
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการสร้างคลังเก็บยาเสพติดให้โทษของกลาง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดของกลางล้นคลัง นพ.บุญชัย กล่าวว่า คลังเก็บยาเสพติดของกลางของ อย. มีความจุประมาณ 15 - 20 ตัน แต่ขณะนี้มียาเสพติดล้นคลังอยู่ประมาณ 40 ตัน รวมกว่า 3 แสนคดี ซึ่งการจะเผาได้ต้องรอการพิจารณาคดีสิ้นสุดลง หรือหากเป็นคดีที่ไม่มีการฟ้องร้องก้ต้องเก็บไว้ถึง 30 ปี จึงเป็นภาระในการเก็บยาเสพติด ของกลางบางส่วนยังคงค้างอยู่ที่ ป.ป.ส. หรือตำรวจ ยังไม่สามารถส่งเข้ามาได้ ซึ่งการแก้ปัญหาด้วยการสร้างคลังเก็บยาเสพติให้โทษของกลางเพิ่มนั้นขณะนี้ สธ. ได้อนุมัติให้ใช้งบประมาณปี 2558 ในการก่อสร้างแล้วประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในช่วงขายแบบและเปิดซองประกวดราคา โดยคลังใหม่นั้นจะสามารถบรรจุยาเสพติดได้มากถึงประมาณ 100 ตัน สามารถแก้ปัญหายาเสพติดล้นคลัง และที่ยังค้างอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (11 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางครั้งที่ 44 ว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นต้น จัดให้มีกำหนดเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางที่สิ้นสุดคดีความแล้วเป็นรอบ 2 ของปี 2557 ในวันที่ 18 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ปริมาณยาเสพติดที่จะเผาทำลายมีประมาณ 2,167 กิโลกรัม จาก 1,059 คดี รวมมูลค่า 6,565 ล้านบาท แบ่งเป็น เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า 1,754 กิโลกรัม หรือ 19 ล้านเม็ด มูลค่า 5,847 ล้านบาท ยาไอซ์ 318 กิโลกรัม มูลค่า 637 ล้านบาท เฮโรอีน 86 กิโลกรัม มูลค่า 68 ล้านบาท โคคาอีน 3 กิโลกรัม มูลค่า 10 ล้านบาท เอ็กซ์ตาซี หรือยาอี 0.45 กิโลกรัม มูลค่า 1.8 ล้านบาท ฝิ่น 0.81 กิโลกรัม มูลค่า 2.5 หมื่นบาท
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีกัญชาของกลางที่กองบัญชาการตำตรวจปราบปรามยาเสพติดร่วมเผา จำนวน 2,933 กิโลกรัม มูลค่า 7 ล้านบาท และกัญชาของกลาง จ.อุบลราชธานี จำนวนกว่า 2,546 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ทั้งนี้ การเผาทำลายจะมี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เผาทำลายด้วยวิธีไพโรไลติก อินซิเนอเรชั่น ด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 850 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้เกิดการสลายตัวของโมเลกุลกลายเป็นคาร์บอนในระยะเวลาอันรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อม
ด้าน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ก่อนจะนำไปเผาทำลายนั้น วันที่ 17 ธ.ค. อย. จะมีการตรวจเช็กและชั่งน้ำหนักของยาเสพติดให้โทษของกลางและแยกประเภท หลังจากนั้น ก็จะนำไปแพ็กใส่กล่อง ซึ่งคลังเก็บยาเสพติดของ อย. มีความปลอดภัยสูง เพราะในการเปิดจะมีผู้ถือกุญแจถึง 6 คน และก่อนเปิดต้องขออนุญาตจาก อย.ก่อนทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้นจะมาตรการรักษาความปลอดภัย แบ่งเป็นหลายทีม เช่น ทีมรักษาความปลอดภัย มีรถนำขบวน มีรถคอยกันรถคันอื่นๆ ที่จะแทรกเข้ามาในขบวน และมีหน่วยคอมมานโดคอยคุ้มกัน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 ลำ คอยคุ้มกันของกลาง และอีก 1 ลำคอยพาช่างภาพเก็บภาพการขนย้ายตลอดทาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นับแต่นี้จะกำหนดให้เผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางที่คดีสิ้นสุดแล้วปีละ 2 ครั้งหรือไม่ นพ.บุญชัย กล่าวว่า อย. จะเผาทำลายเป็นปกติในช่วงวันที่ 26 มิ.ย. ของทุกปีอยู่แล้ว แต่การเผาครั้งที่ 2 ของปีนี้มาจากนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งปีถัดไปจะเผาเพิ่มหรือไม่นั้นคงอยู่ที่นโยบาย และปริมาณของกลางที่สิ้นสุดคดีแล้วมีมากน้อยเพียงไร
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการสร้างคลังเก็บยาเสพติดให้โทษของกลาง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดของกลางล้นคลัง นพ.บุญชัย กล่าวว่า คลังเก็บยาเสพติดของกลางของ อย. มีความจุประมาณ 15 - 20 ตัน แต่ขณะนี้มียาเสพติดล้นคลังอยู่ประมาณ 40 ตัน รวมกว่า 3 แสนคดี ซึ่งการจะเผาได้ต้องรอการพิจารณาคดีสิ้นสุดลง หรือหากเป็นคดีที่ไม่มีการฟ้องร้องก้ต้องเก็บไว้ถึง 30 ปี จึงเป็นภาระในการเก็บยาเสพติด ของกลางบางส่วนยังคงค้างอยู่ที่ ป.ป.ส. หรือตำรวจ ยังไม่สามารถส่งเข้ามาได้ ซึ่งการแก้ปัญหาด้วยการสร้างคลังเก็บยาเสพติให้โทษของกลางเพิ่มนั้นขณะนี้ สธ. ได้อนุมัติให้ใช้งบประมาณปี 2558 ในการก่อสร้างแล้วประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในช่วงขายแบบและเปิดซองประกวดราคา โดยคลังใหม่นั้นจะสามารถบรรจุยาเสพติดได้มากถึงประมาณ 100 ตัน สามารถแก้ปัญหายาเสพติดล้นคลัง และที่ยังค้างอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
