อย. ชี้ไร้ผลยืนยัน “คลอโรฟิลล์” ช่วยขับสารพิษ สารตกค้าง ทำผิวพรรณสดใส ช่วยทารกแข็งแรง หลังชาวเน็ตแพร่ภาพแม่ให้ทารกแรกคลอดดื่มคลอโรฟิลล์ ย้ำมีข้อห้ามกินอาหารเสริมในเด็กชัด เผยตรวจสอบแล้วพบโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง แอบอ้างชื่อ รมช.สธ. เป็นลูกค้า
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีชาวเน็ตแพร่ภาพหญิงสาวรายหนึ่งถ่ายภาพเด็กทารกแรกคลอดได้ 7 วัน น้ำหนัก 5 กิโลกรัม กำลังดูดน้ำคลอโรฟิลล์ โดยอ้างว่าแม่เด็กดื่มมาตั้งแต่ตอนท้อง และเมื่อคลอดก็ให้ลูกดื่มต่อ ซึ่งอาจเข้าข่ายการโฆษณาสรรพคุณอาหารเสริม ว่า จากการตรวจสอบเป็นการกล่าวอ้างของผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคลอโรฟิลล์ และพบการกล่าวอ้างโฆษณาเกินจริงทางเว็บไซต์ด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจเลขสารบบอาหาร 21-4-00449-1-0001 เป็นผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์ชนิดน้ำ แจ้งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตราบ้านสมุนไพร ผลิตโดย บริษัท บ้านสมุนไพรชัยมงคล จำกัด จังหวัดระยอง และพบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผลิตจากอัลฟัลฟ่า (alfalfa) สกัด ซึ่งอยู่ในรูปของ โซเดียม คอปเปอร์ คลอโรฟิลล์ (sodium copper chlorophyllin)
นพ.บุญชัย กล่าวว่า คอปเปอร์ คลอโรฟิลล์ มีการวิจัยว่าเป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีศักยภาพในเรื่องของการต้านการกลายพันธุ์ ต้านสารก่อมะเร็ง และต้านอนุมูลอิสระ แต่กลไกดังกล่าวยังไม่เป็นที่แน่ชัด นอกจากนี้ ยังมีรายงานถึงการบริโภคคลอโรฟิลล์อาจทำให้เกิดอาการแพ้ มีผื่นคัน และอุจจาระร่วงได้ รวมทั้งพบว่าลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือดำ และทำให้สีของปัสสาวะ หรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวในผู้บริโภคบางรายอีกด้วย ดังนั้น การโฆษณาว่าน้ำคลอโรฟิลล์ สามารถช่วยขับสารพิษ สารตกค้างต่างๆ ทำให้ผิวพรรณสดใส บรรเทาอาการของโรคต่างๆ หรือช่วยให้เด็กทารกแข็งแรงกว่าปกตินั้น จึงยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติตามที่กล่าวอ้างจริง
สำหรับกรณีอ้างถึง นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นลูกค้าของบ้านสมุนไพรดังกล่าว นพ.บุญชัย กล่าวว่า ขอให้ผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อการแอบอ้าง ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนว่า มีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ และถ้าหากอยากได้รับคลอโรฟิลล์ เพียงรับประทานผักมากๆ นอกจากร่างกายจะได้รับคลอโรฟิลล์แล้ว ยังได้รับใยอาหารที่ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายอีกด้วย ที่สำคัญ อย่าได้หลงเชื่อสรรพคุณว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถรักษาหรือป้องกันโรคได้ นอกจากจะเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายโดยคาดไม่ถึง
“ที่สำคัญ มีข้อห้ามบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในเด็ก และสตรีมีครรภ์เด็ดขาด พร้อมทั้งขอให้ผู้ประกอบการทุกรายเห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค ดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม อย่าโฆษณาด้วยวิธีการต่างๆ ในลักษณะที่เกินเลยความเป็นจริง ซึ่งโทษของการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการลักลอบใส่สารอันตรายถือเป็นการเข้าข่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 100,000 บาท” เลขาธิการ อย. กล่าว
นพ.บุญชัย กล่าวว่า หากผู้บริโภคพบเห็นการอวดอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกินจริง เช่น รักษาสารพัดโรค ช่วยในการลดน้ำหนัก บำรุงร่างกาย ช่วยเรื่องผิวพรรณ เป็นต้น ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ หรือโฆษณาหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อโดยการขายตรง ขอให้แจ้งร้องเรียนมายังสายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อทางราชการจะได้ตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีชาวเน็ตแพร่ภาพหญิงสาวรายหนึ่งถ่ายภาพเด็กทารกแรกคลอดได้ 7 วัน น้ำหนัก 5 กิโลกรัม กำลังดูดน้ำคลอโรฟิลล์ โดยอ้างว่าแม่เด็กดื่มมาตั้งแต่ตอนท้อง และเมื่อคลอดก็ให้ลูกดื่มต่อ ซึ่งอาจเข้าข่ายการโฆษณาสรรพคุณอาหารเสริม ว่า จากการตรวจสอบเป็นการกล่าวอ้างของผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคลอโรฟิลล์ และพบการกล่าวอ้างโฆษณาเกินจริงทางเว็บไซต์ด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจเลขสารบบอาหาร 21-4-00449-1-0001 เป็นผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์ชนิดน้ำ แจ้งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตราบ้านสมุนไพร ผลิตโดย บริษัท บ้านสมุนไพรชัยมงคล จำกัด จังหวัดระยอง และพบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผลิตจากอัลฟัลฟ่า (alfalfa) สกัด ซึ่งอยู่ในรูปของ โซเดียม คอปเปอร์ คลอโรฟิลล์ (sodium copper chlorophyllin)
นพ.บุญชัย กล่าวว่า คอปเปอร์ คลอโรฟิลล์ มีการวิจัยว่าเป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีศักยภาพในเรื่องของการต้านการกลายพันธุ์ ต้านสารก่อมะเร็ง และต้านอนุมูลอิสระ แต่กลไกดังกล่าวยังไม่เป็นที่แน่ชัด นอกจากนี้ ยังมีรายงานถึงการบริโภคคลอโรฟิลล์อาจทำให้เกิดอาการแพ้ มีผื่นคัน และอุจจาระร่วงได้ รวมทั้งพบว่าลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือดำ และทำให้สีของปัสสาวะ หรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวในผู้บริโภคบางรายอีกด้วย ดังนั้น การโฆษณาว่าน้ำคลอโรฟิลล์ สามารถช่วยขับสารพิษ สารตกค้างต่างๆ ทำให้ผิวพรรณสดใส บรรเทาอาการของโรคต่างๆ หรือช่วยให้เด็กทารกแข็งแรงกว่าปกตินั้น จึงยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติตามที่กล่าวอ้างจริง
สำหรับกรณีอ้างถึง นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นลูกค้าของบ้านสมุนไพรดังกล่าว นพ.บุญชัย กล่าวว่า ขอให้ผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อการแอบอ้าง ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนว่า มีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ และถ้าหากอยากได้รับคลอโรฟิลล์ เพียงรับประทานผักมากๆ นอกจากร่างกายจะได้รับคลอโรฟิลล์แล้ว ยังได้รับใยอาหารที่ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายอีกด้วย ที่สำคัญ อย่าได้หลงเชื่อสรรพคุณว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถรักษาหรือป้องกันโรคได้ นอกจากจะเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายโดยคาดไม่ถึง
“ที่สำคัญ มีข้อห้ามบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในเด็ก และสตรีมีครรภ์เด็ดขาด พร้อมทั้งขอให้ผู้ประกอบการทุกรายเห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค ดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม อย่าโฆษณาด้วยวิธีการต่างๆ ในลักษณะที่เกินเลยความเป็นจริง ซึ่งโทษของการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการลักลอบใส่สารอันตรายถือเป็นการเข้าข่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 100,000 บาท” เลขาธิการ อย. กล่าว
นพ.บุญชัย กล่าวว่า หากผู้บริโภคพบเห็นการอวดอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกินจริง เช่น รักษาสารพัดโรค ช่วยในการลดน้ำหนัก บำรุงร่างกาย ช่วยเรื่องผิวพรรณ เป็นต้น ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ หรือโฆษณาหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อโดยการขายตรง ขอให้แจ้งร้องเรียนมายังสายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อทางราชการจะได้ตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่