xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อความรักของพ่อแม่กลายเป็นพิษ / ดร.แพง ชินพงศ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ่อแม่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อพัฒนาการทุกๆ ด้านของลูก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาและจิตใจ นั่นเพราะมีหน้าที่ในการเลี้ยงดู อบรม สั่งสอนลูกโดยตรง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีและเหมาะสมให้กับลูก ได้แก่ การจัดให้ลูกได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ การจัดที่อยู่อาศัยที่มีความสะอาดปลอดภัย การฝึกให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากปัจจัยข้างต้นที่ได้กล่าวมานั้น สิ่งที่ถือว่ามีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการของลูกก็คือการเลี้ยงดูที่อบอุ่น เอาใจใส่และเต็มไปด้วยความรักของพ่อแม่นั่นเอง มีงานวิจัยมากมายที่กล่าวตรงกันว่า การที่คุณพ่อคุณแม่โอบกอดสัมผัสลูกด้วยความรัก จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุข ซึ่งจะส่งผลให้สมองเกิดการหลั่งของสารเคมีที่ทำให้เด็กมีความสุขและอารมณ์ดีเบิกบาน (Endorphin) ทำให้สมองของเด็กเจริญเติบโตได้ดี มีความจำดี และสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่ในทางตรงกันข้าม หากคุณพ่อคุณแม่มีการแสดงออกของความรักที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม ก็อาจกลายเป็นความรักที่เป็นพิษที่ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว ได้แก่

1. รักทะนุถนอมลูกมากเกินไป เราคงเคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่า มีคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่เป็นประเภทที่รักและประคบประหงมลูกมากจนเกินไป ทะนุถนอมและปกป้องลูกยิ่งกว่าไข่ในหิน โดยไม่ยอมให้ลูกทำอะไรเลยเพราะกลัวจะเป็นอันตราย เช่น อุ้มลูกอยู่ตลอดเวลาไม่ยอมให้ลูกเดินหรือวิ่งเล่นทั้งๆที่อยู่ในวัยที่สามารถทำได้แล้ว ป้อนข้าวโดยไม่ยอมให้ลูกกินข้าวเอง ทั้งๆ ที่ลูกอายุไม่ต่ำกว่า 2 ขวบที่สามารถจะกินอาหารได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องให้มีใครมาป้อนแล้ว นอกจากนี้ ยังเลี้ยงดูลูกแบบทำทุกอย่างให้และจัดการชีวิตของลูกหมดทุกเรื่อง การเลี้ยงดูลูกแบบนี้จะทำให้ลูกขาดทักษะในการช่วยเหลือตนเองจนติดไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ทำให้กลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นคนมีนิสัยลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ถ้าเป็นผู้ชายก็มีนิสัยขี้อาย ขี้ขลาด ไม่มีความเป็นผู้นำ ถ้าเป็นผู้หญิง ก็จะมีนิสัยหน่อมแน้ม เอาแต่ใจตัวเอง ชอบให้คนมาเอาอกเอาใจ เป็นคนที่ไม่มีความมั่นคงในอารมณ์
ภาพ www.rukluke.com
2. รักและตามใจลูกไปหมดทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่ประเภทนี้จะตามใจลูกไปเสียหมด ไม่ว่าลูกจะอยากได้อะไรแม้จะมีราคาแพงหรือลำบากยากเย็นมากแค่ไหนก็จะต้องหามาให้ลูกจนได้ และแม้ว่าลูกจะทำผิดอะไร เช่น ไปรังแกเพื่อน หรือไปก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ แทนที่พ่อแม่จะดุว่ากล่าว กลับมองเป็นเรื่องตลกหรือเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องจัดการ ทำให้เด็กติดนิสัยกลายเป็นคนที่ก้าวร้าวชอบทำอะไรตามใจตัวเอง นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ที่รักและตามใจลูกมากเกินไปมักจะรักหลงลูกมากจนกระทั่งมองว่าลูกตัวเองเป็นเทวดาที่เก่งกว่า น่ารักกว่า ดีกว่าคนอื่นๆ เสมอ จะยกยอลูกมากเกินควร จนทำให้ลูกมีนิสัยหลงตัวเองแปรภาพผิดในการมองตัวเองว่าเหนือคนอื่น ซึ่งนิสัยนี้เมื่อติดไปจนเป็นผู้ใหญ่ จะกลายเป็นคนที่หลงตัวเองมาก ชอบดูถูกคนอื่น เวลาตนเองทำอะไรผิดพลาดก็จะไม่ยอมรับความผิดแต่จะชอบโทษคนอื่น ซึ่งคนที่มีนิสัยแบบนี้เป็นคนที่ใครๆอยู่ด้วยลำบากมาก ดีไม่ดีสุดท้ายจะกลายเป็นคนที่สังคมไม่ต้องการ

3. รักลำเอียง ความรักประเภทนี้มีมักจะเกิดในครอบครัวที่มีลูกหลายคน โดยที่คุณพ่อคุณแม่แสดงความรักต่อลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น รักลูกคนโตมากกว่าลูกคนเล็ก โอ๋ลูกคนเล็กมากกว่าลูกคนโต ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ลูกคนกลาง รักลูกชายมากกว่าลูกสาว รักลูกที่เรียนเก่งกว่าลูกที่เรียนด้อย พฤติกรรมการแสดงออกในความรักที่ลำเอียงของพ่อแม่จะส่งผลร้ายต่อลูกเป็นอย่างมาก โดยลูกคนที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่เท่าเทียมกับพี่น้องคนอื่นๆ อาจจะกลายเป็นเด็กที่มีนิสัยเก็บกด ขี้ใจน้อย เข้ากับคนอื่นได้ยาก เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นคนมีนิสัยขี้อิจฉา ขี้หึง หวาดระแวง ทิฐิสูง มีนิสัยชอบแข่งขันเอาชนะชิงดีชิงเด่นกับคนอื่น จนตัวเองและคนรอบๆข้างขาดความสุข

จะเห็นได้ว่าการอบรมเลี้ยงดูด้วยความรักของพ่อแม่มีอิทธิพลต่อลูกเป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความรักที่ถูกต้องและมีปริมาณที่เหมาะสมให้กับลูก

“อย่า รักลูก มากเกินไป
อย่า ทะนุถนอมลูก มากเกินไป
อย่า ตามใจลูก มากเกินไป
อย่า ลำเอียงซะจนละเลยกับลูกบางคน
เพราะอะไรที่มาก หรือ น้อยเกินไป ไม่ดีทั้งนั้น”

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรรักลูกแต่พอดีๆ
เพื่อที่ลูกจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีสุขภาพกายและใจที่ดี มีความสุขและมีคุณภาพของสังคม
 
 
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น