กรมควบคุมโรคจับมือ สปสช.เตรียมกวาดล้างโรคหัด ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้เด็กไทย 3 ล้านคน ทั่วประเทศ พร้อมให้วัคซีนป้องกันคอตีบเพิ่มในผู้ใหญ่ทั่วประเทศ หลังพบภูมิต้านทานลดลง ป่วยเพิ่มขึ้น ด้าน สปสช.เร่งหาวัคซีนจากแหล่งอื่น หลังบริษัทใหญ่จากยุโรป-มะกัน หันผลิตวัคซีนรวม ราคาแพงขึ้น ยันไทยไม่ขาดแคลนวัคซีน
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ในปี 2558 กรมฯได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นต้น เดินหน้าป้องกันโรคด้วยวัคซีน โดยเตรียมกวาดล้างโรคหัดด้วยการตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้กับเด็กไทยจำนวน 3 ล้านคนทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กไทยมีภูมิต้านทานโรคหัด รวมถึงฉีดวัคซีนโรคคอตีบเพิ่มเติมให้กับผู้ใหญ่อายุ 20-50 ปี เนื่องจากปี 2555 พบผู้ป่วยโรคคอตีบ 50 รายในบางจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ จึงต้องดำเนินการเชิงรุกป้องกันการแพร่ระบาด เบื้องต้นใน ต.ค.-ธ.ค.นี้ เป็นการฉีดวัคซีนให้ประชาชน 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในปี 2558 จะขยายการให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบไปทั่วประเทศ
ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สปสช.มีหน้าที่จัดหาวัคซีนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง โดยการดำเนินงานด้านวัคซีน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มวัคซีนพื้นฐานที่ต้องฉีดให้กับเด็กไทยตามช่วงอายุ มีประมาณ 10 รายการ เช่น โปลิโอ คอตีบ บาดทะยัก และโรคหัด เป็นต้น และกลุ่มวัคซีนทั่วไป อาทิ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โดยมูลค่าวัคซีนที่ สปสช.ดำเนินการอยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จากมูลค่าวัคซีนรวมทั้งประเทศ 4,000 ล้านบาทต่อปี ที่น่าห่วงคือ บริษัทวัคซีนทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ มีแนวโน้มเลิกผลิตวัคซีนพื้นฐาน โดยหันไปผลิตวัคซีนใหม่หรือวัคซีนรวมหลายโรคในโดสเดียวที่ให้ผลกำไรดีกว่า ทำให้วัคซีนมีราคาแพงขึ้น สปสช.จึงร่วมกับ คร.จัดหาแหล่งผลิตวัคซีนใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก และมีราคาเหมาะสมกับประเทศไทย อาทิ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น เพื่อนำมาใช้ทดแทนในประเทศ
นพ.ประทีปกล่าวว่า นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีโรงงานวัคซีนแบ่งบรรจุที่เป็นความร่วมมือระหว่างองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และบริษัทวัคซีนประเทศฝรั่งเศส รวมถึงโรงงานแบ่งบรรจุวัคซีนเอกชน สามารถนำเข้าวัคซีนมาแบ่งบรรจุรองรับการใช้วัคซีนในประเทศได้เช่นกัน จึงยืนยันได้ว่าไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนวัคซีนในประเทศแน่นอน ส่วนแผนระยะยาว อภ.ยังมีแผนจัดตั้งโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ อ.ทับกวาง จ.สระบุรี อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเป็นโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีอัตราการใช้จำนวนมากในแต่ละปี นับเป็นการสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนให้กับประเทศ
“การเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อสามารถเกิดได้ตลอด ปัจจุบันมีโรคติดเชื้อหลายโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน สปสช.และกรมควบคุมโรคจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนที่จำเป็น เป็นการเพิ่มมีภูมิต้านทานโรคควบคู่กับการดูแลสุขภาพตนเองเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการเจ็บป่วย” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ในปี 2558 กรมฯได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นต้น เดินหน้าป้องกันโรคด้วยวัคซีน โดยเตรียมกวาดล้างโรคหัดด้วยการตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้กับเด็กไทยจำนวน 3 ล้านคนทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กไทยมีภูมิต้านทานโรคหัด รวมถึงฉีดวัคซีนโรคคอตีบเพิ่มเติมให้กับผู้ใหญ่อายุ 20-50 ปี เนื่องจากปี 2555 พบผู้ป่วยโรคคอตีบ 50 รายในบางจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ จึงต้องดำเนินการเชิงรุกป้องกันการแพร่ระบาด เบื้องต้นใน ต.ค.-ธ.ค.นี้ เป็นการฉีดวัคซีนให้ประชาชน 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในปี 2558 จะขยายการให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบไปทั่วประเทศ
ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สปสช.มีหน้าที่จัดหาวัคซีนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง โดยการดำเนินงานด้านวัคซีน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มวัคซีนพื้นฐานที่ต้องฉีดให้กับเด็กไทยตามช่วงอายุ มีประมาณ 10 รายการ เช่น โปลิโอ คอตีบ บาดทะยัก และโรคหัด เป็นต้น และกลุ่มวัคซีนทั่วไป อาทิ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โดยมูลค่าวัคซีนที่ สปสช.ดำเนินการอยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาทต่อปี จากมูลค่าวัคซีนรวมทั้งประเทศ 4,000 ล้านบาทต่อปี ที่น่าห่วงคือ บริษัทวัคซีนทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ มีแนวโน้มเลิกผลิตวัคซีนพื้นฐาน โดยหันไปผลิตวัคซีนใหม่หรือวัคซีนรวมหลายโรคในโดสเดียวที่ให้ผลกำไรดีกว่า ทำให้วัคซีนมีราคาแพงขึ้น สปสช.จึงร่วมกับ คร.จัดหาแหล่งผลิตวัคซีนใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก และมีราคาเหมาะสมกับประเทศไทย อาทิ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น เพื่อนำมาใช้ทดแทนในประเทศ
นพ.ประทีปกล่าวว่า นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีโรงงานวัคซีนแบ่งบรรจุที่เป็นความร่วมมือระหว่างองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และบริษัทวัคซีนประเทศฝรั่งเศส รวมถึงโรงงานแบ่งบรรจุวัคซีนเอกชน สามารถนำเข้าวัคซีนมาแบ่งบรรจุรองรับการใช้วัคซีนในประเทศได้เช่นกัน จึงยืนยันได้ว่าไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนวัคซีนในประเทศแน่นอน ส่วนแผนระยะยาว อภ.ยังมีแผนจัดตั้งโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ อ.ทับกวาง จ.สระบุรี อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเป็นโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีอัตราการใช้จำนวนมากในแต่ละปี นับเป็นการสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนให้กับประเทศ
“การเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อสามารถเกิดได้ตลอด ปัจจุบันมีโรคติดเชื้อหลายโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน สปสช.และกรมควบคุมโรคจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนที่จำเป็น เป็นการเพิ่มมีภูมิต้านทานโรคควบคู่กับการดูแลสุขภาพตนเองเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการเจ็บป่วย” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่