สพฐ. เผยคืบหน้าสืบตรวจสอบสร้างสนามฟุตซอล ได้รับข้อมูลแล้วเตรียมตั้ง คกก. ประมวลข้อมูลฯ 1 ชุด ทำหน้าที่ประมวลผล และจัดระบบให้ชัดเหตุมีข้อมูลเข้ามามาก “กมล” ยันไม่เคยได้รับรายชื่อ 600 - 700 รายชื่อตามที่ ป.ป.ท. ระบุจะส่งมาให้ พร้อมเรียกร้องหากเปิดเผยรายชื่อครูก็ต้องเปิดเผยรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่น หรือนักการเมือง ลั่นรับไม่ได้ให้ครูเป็นแพะ ในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ขณะที่ ผู้แทนครูฯ ใน ก.ค.ศ. เสนอตัวให้คำปรึกษาและช่วยเหลือทางกฎหมายฟรี
วันนี้ (28 ต.ค.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการสืบหาข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างสนามฟุตซอลในโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ. ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวควบคู่กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในการไปตรวจสอบ โดยเวลานี้ถือว่า สพฐ. ได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว เนื่องจากคณะทำงานที่ลงไปตรวจสอบในพื้นที่ที่มีปัญหาการสร้างสนามฟุตซอล ทั้ง 12 ชุดได้ส่งรายงานมายังตนเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน ตนได้มอบหมายให้ทั้ง 37 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จัดส่งรายงานให้ด้วยแม้ว่าในจำนวนนี้มีบางเขตพื้นที่ฯ ไม่ได้ประสบปัญหาการจัดสร้างสนามฟุตซอลก็ตาม แต่เพราะ สพฐ. ต้องการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาเปรียบเทียบว่าเขตพื้นที่ฯ ที่ไม่มีปัญหาเหล่านี้มีการดำเนินการอย่างไร และมีอะไรที่แตกต่างจากเขตพื้นที่ฯ ที่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ ป.ป.ท. ระบุว่ามีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ 600 - 700 คน และจะส่งรายชื่อทั้งหมดมาให้ สพฐ. ดำเนินการนั้น ตนยืนยันว่า สพฐ. ยังไม่ได้รับข้อมูลรายชื่อตามที่ ป.ป.ท. ให้ข้อมูลแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีระบบนั้น ในวันพรุ่งนี้ (29 ต.ค.) ตนจะได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการประมวลข้อมูลและแนวทางการแก้ไขปัญกากรณีจัดสร้างสนามฟุตซอล ซึ่งมี นางรัตน ศรีเหรัญ รองเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธาน สาเหตุที่จะต้องมีคณะกรรมการชุดนี้ เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวถูกส่งเข้ามาจำนวนมาก หากไม่จัดระบบประมวลให้เป็นระบบ หรือกำหนดแนวทางดำเนินการให้ชัดก็จะเกิดปัญหาเข้าใจผิดได้
“ที่ผ่านมา มีข้อมูลมากมาย เช่น มีข่าวออกไปว่าจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนครู จะมีครูกลุ่มหนึ่งถูกสอบอีกกลุ่มไม่ถูกสอบ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกในกังวลของครูในพื้นที่ หรือกรณีมีระบุว่ามีการตรวจสอบรายชื่อครูทั้ง 600 - 700 คนแล้วแต่ สพฐ. ยังไม่เคยได้รับรายงานนี้ ซึ่งสังคมอาจจะมองว่าได้รายชื่อแล้วเหตุใดจึงไม่ให้เขตพื้นที่ฯ ไปดำเนินการ เป็นต้น สพฐ. จึงต้องมีคณะกรรมการชุดนี้มาทำหน้าที่ และผมอยากเรียกร้องด้วยว่าเมื่อ ป.ป.ท. หรือผู้ตรวจสอบได้ข้อมูลครบถ้วนขอให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นด้วย ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับครูและบุคลากรของ สพฐ. ผมพร้อมจะดำเนินการตามขั้นตอน แต่กรณีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้างร้าน บริษัท ผู้บริหารระดับท้องถิ่น ฝ่ายการเมือง ก็ขอให้ ป.ป.ท. ดำเนินการแต่หากเกินอำนาจของ ป.ป.ท. ก็ขอให้ส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบ ที่ผมเสนอ เพราะเวลานี้กลายเป็นว่าครูของเรากลายเป็นแพะ รับในสิ่งที่คนอื่นทำซึ่งไม่ถูกต้องผมรับไม่ได้ และหากจะประกาศชื่อครูทั้งหมดก็ต้องประกาศรายชื่อฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน” นายกมล กล่าวและว่า ทั้งนี้ สพฐ. จะรอข้อมูลรายชื่อจากทาง ป.ป.ท. อีกระยะหนึ่ง หากยังไม่ได้รับจึงจะทำหนังสือทวงถามต่อไป
นายกมล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะมีการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือเทียบเท่า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตนจะเตรียมข้อมูลเรื่องของการจัดสร้างสนามฟุตซอลไว้ เพื่อที่หากนายกฯ สอบถามจะได้พร้อมชี้แจง แต่หากไม่ได้สอบถามตนก็จะไม่เสนอนายกฯ ในที่ประชุมดังกล่าว
ด้าน นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง ในฐานะผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่า จากปัญหาตรวจสอบพบความผิดปกติในการจัดสร้างสนามฟุตซอลของสถานศึกษา ซึ่งส่งผลกระทบไปยังผู้บริหารและครูจำนวนมากที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ต้องเซ็นเอกสารตามระเบียบ และต้องถูกสอบสวนดำเนินการทางวินัย ทางกฎหมายอาญา ฯลฯ ทำให้เกิดความกังวลและอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานและการสอน ทั้งนี้ เนื่องจากตนจบการศึกษาทางด้านกฎหมายและเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นนักกฎหมายประจำ ศธ. ด้วย จึงพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ผู้บริหารและครูที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุจริตในครั้งนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายและสามารถติดต่อได้ที่ e-mail : ratchaiso@yahoo.com หรือ Line ID : ratchai1202
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
