กลุ่มรอง ผอ.สถานศึกษาห่วงเสียสิทธิ์สอบเป็น ผอ.สถานศึกษาในพื้นที่ หลังบางเขตเปิดรับ ผอ. จากการย้ายมากกว่าการสอบ เสี่ยงปลิวไปติด ผอ. พื้นที่อื่น วอนเปิดรับการย้ายและสอบในสัดส่วนเท่ากัน ด้าน สพฐ.ทำหนังสือแจ้ง อ.ก.ค.ศ. แล้ว
วันนี้ (21 ต.ค.) นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับกลุ่มสมาคมรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาครูและบคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งรองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เนื่องจากกลุ่มรอง ผอ.สถานศึกษามีความกังวลว่า จะเสียสิทธิ์ในการสอบเป็น ผอ.สถานศึกษาในพื้นที่ เนื่องจากเขตพื้นที่การศึกษาหลายแห่ง ไม่มีบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาเป็น ผอ.สถานศึกษา และ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) บางเขตพื้นที่การศึกษา นำตำแหน่งว่างที่มีอยู่มารับ ผอ.สถานศึกษาที่ย้ายมาจากที่อื่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เหลือการเปิดสอบน้อยมาก อาจต้องไปบรรจุแต่งตั้งในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจไม่ใช่พื้นที่ของตนเอง จึงขอร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการกำหนดสัดส่วนผู้สอบขึ้นบัญชี 50% และ สัดส่วนการรับย้าย 50% ให้ชัดเจนก่อนแม้จะยังไม่มีรายชื่อผู้สอบขึ้นบัญชี
“จริงๆ แล้วข้อกำหนดตามหลักเกณฑ์การสรรหาระบุว่า เป็นอำนาจของ อ.ก.ค.ศ. ของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ให้บรรจุแต่งตั้งโดยการรับย้ายและเปิดสอบในสัดส่วนเท่าๆ กัน ยกเว้นกรณีที่ไม่มีการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาไว้ ก็ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้าราชการครูบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดคือ ให้อำนาจ อ.ก.ค.ศ.เขตพิจารณาได้ตามความเหมาะสม” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวว่า สพฐ. ได้ทำหนังสือไปถึง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เพื่อขอความร่วมมือให้บรรจุแต่งตั้ง ผอ.สถานศึกษาจากการรับโอนย้ายและเปิดสอบใหม่ในสัดส่วนเท่าๆ กัน เนื่องจาก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายในการใช้อัตราว่างสำหรับใช้ในการรับย้ายและบรรจุแต่งตั้งจากบัญชีผู้ผ่านการสรรหาในอัตรา 50 : 50 ของตำแหน่งว่าง ดังนั้น จึงขอให้เขตพื้นที่การศึกษาร่วมมือดำเนินการตามนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ ด้วย เนื่องจาก สพฐ. ไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับให้เขตพื้นที่ดำเนินการได้ เนื่องจากอำนาจการบริหารบุคคลในพื้นที่เป็นของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หากต้องการจะแก้ไขจะต้องนำเข้าที่ประชุมบอร์ด ก.ค.ศ. เป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการ เตรียมจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในการประชุม ก.ค.ศ. ครั้งต่อไป เพื่อขอแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ในปัจจุบันรองผู้อำนวยการสถานศึกษาสังกัด สพฐ. มีกว่า 10,000 คน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (21 ต.ค.) นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับกลุ่มสมาคมรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาครูและบคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งรองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เนื่องจากกลุ่มรอง ผอ.สถานศึกษามีความกังวลว่า จะเสียสิทธิ์ในการสอบเป็น ผอ.สถานศึกษาในพื้นที่ เนื่องจากเขตพื้นที่การศึกษาหลายแห่ง ไม่มีบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาเป็น ผอ.สถานศึกษา และ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) บางเขตพื้นที่การศึกษา นำตำแหน่งว่างที่มีอยู่มารับ ผอ.สถานศึกษาที่ย้ายมาจากที่อื่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เหลือการเปิดสอบน้อยมาก อาจต้องไปบรรจุแต่งตั้งในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจไม่ใช่พื้นที่ของตนเอง จึงขอร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการกำหนดสัดส่วนผู้สอบขึ้นบัญชี 50% และ สัดส่วนการรับย้าย 50% ให้ชัดเจนก่อนแม้จะยังไม่มีรายชื่อผู้สอบขึ้นบัญชี
“จริงๆ แล้วข้อกำหนดตามหลักเกณฑ์การสรรหาระบุว่า เป็นอำนาจของ อ.ก.ค.ศ. ของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ให้บรรจุแต่งตั้งโดยการรับย้ายและเปิดสอบในสัดส่วนเท่าๆ กัน ยกเว้นกรณีที่ไม่มีการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาไว้ ก็ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้าราชการครูบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดคือ ให้อำนาจ อ.ก.ค.ศ.เขตพิจารณาได้ตามความเหมาะสม” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวว่า สพฐ. ได้ทำหนังสือไปถึง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เพื่อขอความร่วมมือให้บรรจุแต่งตั้ง ผอ.สถานศึกษาจากการรับโอนย้ายและเปิดสอบใหม่ในสัดส่วนเท่าๆ กัน เนื่องจาก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายในการใช้อัตราว่างสำหรับใช้ในการรับย้ายและบรรจุแต่งตั้งจากบัญชีผู้ผ่านการสรรหาในอัตรา 50 : 50 ของตำแหน่งว่าง ดังนั้น จึงขอให้เขตพื้นที่การศึกษาร่วมมือดำเนินการตามนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ ด้วย เนื่องจาก สพฐ. ไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับให้เขตพื้นที่ดำเนินการได้ เนื่องจากอำนาจการบริหารบุคคลในพื้นที่เป็นของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หากต้องการจะแก้ไขจะต้องนำเข้าที่ประชุมบอร์ด ก.ค.ศ. เป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการ เตรียมจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในการประชุม ก.ค.ศ. ครั้งต่อไป เพื่อขอแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ในปัจจุบันรองผู้อำนวยการสถานศึกษาสังกัด สพฐ. มีกว่า 10,000 คน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
Loadingเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
