กำชับ พศ. แก้พระ-เณร โพสต์ภาพไม่เหมาะผ่านโซเซียล เรียกศรัทธาจากชาวพุทธ พร้อมหนุนศีล 5 วิปัสสนา
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการที่ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมกับตน ได้ตรวจเยี่ยมการพัฒนาพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกของ พศ. ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อเร็วๆ นี้ พศ. ได้รายงานปัญหาทางพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ให้ตนได้รับทราบด้วย ไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับ การเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ สามเณร ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีให้เห็นถี่ขึ้น ดังนั้น ตนจึงได้กำชับให้พศ.ประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ ทำงานเชิงรุกในแก้ไขปัญหาดังกล่าวและกรณีอื่นๆ เพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ตนทราบว่า พศ. และมหาเถรสมาคม (มส.) ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมพระสงฆ์ สามเณรผ่านโซเชียลมีเดีย โดยได้แจ้งให้เจ้าคณะปกครองกำชับ พระภิกษุ สามเณร ระมัดระวังการใช้โซเชียลมีเดียให้มากขึ้น
สำหรับร้องเรียนหรือคดีความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับวัด พระสงฆ์ สามเณร ก็ให้ พศ. รายงานความคืบหน้าให้ตนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ซึ่งบางเรื่องทาง มส. ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ และได้รับการแก้ไขปัญหาไปแล้วหลายเรื่อง จึงอยากให้ พศ. ได้อธิบายให้สังคมได้รับทราบด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนหรือสื่อมวลชนอาจจะมองว่า บางคดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ไม่มีความคืบหน้าไม่มีข้อสรุป หรือเจ้าคณะปกครองละเลยไม่ดำเนินการทั้งที่จริง พศ. และคณะสงฆ์ได้ดำเนินการแก้ไขมาโดยตลอด เพียงแต่ว่า ไม่ได้สื่อสารให้สังคมได้รับทราบเท่านั้น
“พอมีเรื่องที่ไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา ผมยืนยันได้ว่า คณะสงฆ์ และ พศ. ได้ดูแลตลอดไม่ได้ปล่อยปัญหาไปเฉยๆ โดยรัฐบาลเองก็ตั้งใจให้พระพุทธศาสนาของเราได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาจากชาวพุทธ ที่สำคัญผมอยากฝากการทำงานของ พศ. ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล มุ่งผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชน โดยต้องนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามากล่อมเกลาจิตใจของเด็กและเยาวชน พร้อมส่งเสริมชาวพุทธได้เรียนรู้ศีล 5 วิธีวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งถือเป็นแก่นของศาสนานำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการที่ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมกับตน ได้ตรวจเยี่ยมการพัฒนาพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกของ พศ. ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อเร็วๆ นี้ พศ. ได้รายงานปัญหาทางพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ให้ตนได้รับทราบด้วย ไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับ การเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ สามเณร ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีให้เห็นถี่ขึ้น ดังนั้น ตนจึงได้กำชับให้พศ.ประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ ทำงานเชิงรุกในแก้ไขปัญหาดังกล่าวและกรณีอื่นๆ เพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ตนทราบว่า พศ. และมหาเถรสมาคม (มส.) ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมพระสงฆ์ สามเณรผ่านโซเชียลมีเดีย โดยได้แจ้งให้เจ้าคณะปกครองกำชับ พระภิกษุ สามเณร ระมัดระวังการใช้โซเชียลมีเดียให้มากขึ้น
สำหรับร้องเรียนหรือคดีความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับวัด พระสงฆ์ สามเณร ก็ให้ พศ. รายงานความคืบหน้าให้ตนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ซึ่งบางเรื่องทาง มส. ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ และได้รับการแก้ไขปัญหาไปแล้วหลายเรื่อง จึงอยากให้ พศ. ได้อธิบายให้สังคมได้รับทราบด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนหรือสื่อมวลชนอาจจะมองว่า บางคดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ไม่มีความคืบหน้าไม่มีข้อสรุป หรือเจ้าคณะปกครองละเลยไม่ดำเนินการทั้งที่จริง พศ. และคณะสงฆ์ได้ดำเนินการแก้ไขมาโดยตลอด เพียงแต่ว่า ไม่ได้สื่อสารให้สังคมได้รับทราบเท่านั้น
“พอมีเรื่องที่ไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา ผมยืนยันได้ว่า คณะสงฆ์ และ พศ. ได้ดูแลตลอดไม่ได้ปล่อยปัญหาไปเฉยๆ โดยรัฐบาลเองก็ตั้งใจให้พระพุทธศาสนาของเราได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาจากชาวพุทธ ที่สำคัญผมอยากฝากการทำงานของ พศ. ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล มุ่งผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชน โดยต้องนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามากล่อมเกลาจิตใจของเด็กและเยาวชน พร้อมส่งเสริมชาวพุทธได้เรียนรู้ศีล 5 วิธีวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งถือเป็นแก่นของศาสนานำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
