พม. วางมาตรการดูและสวัสดิภาพเด็ก - แม่อุ้มบุญ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ระหว่างรอ พ.ร.บ.อุ้มบุญประกาศใช้ รองปลัด พม. เผยเตรียมพิจารณาสถานะเด็กอุ้มบุญ 13 คน จ่อเรียกทุกฝ่ายหารืออีก 2 สัปดาห์
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ (พม.) ว่าที่ร.ต.ศรัณย์ สมานพันธ์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม หารือแนวทางการดำเนินงานเพื่อการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (อุ้มบุญ) ว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญที่จะต้องได้รับการคุ้มครอง และดูแลสวัสดิภาพ โดยอาศัย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามมาตรฐานระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ... ยังไม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มหญิงที่เป็นแม่อุ้มบุญที่จะต้องให้ความดูแลตามมาตรฐานเช่นกัน
รองปลัด พม. กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาสถานะความเป็นพ่อแม่ของเด็กอุ้มบุญทั้ง 13 คน ที่อยู่ในความดูแลของ พม. นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล พยาน หลักฐาน เนื่องจากมีหลักฐานหลายส่วน จึงต้องพิจารณาประกอบอย่างรอบคอบ เพื่อหามาตรการดำเนินการที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยคาดว่าในอีก 2 - 3 สัปดาห์ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือรายละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ กรณีที่ทนายของนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ ชาวญี่ปุ่นเจ้าของน้ำเชื้อ จะขอยื่นหลักฐานแสดงสิทธิ์ความเป็นพ่อของเด็กทั้ง 13 คน ทาง พม. ยังไม่ได้รับรายงานรายละเอียดอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ได้รับทราบผ่านสื่อ ทั้งนี้ หากมีการยื่นเข้ามา ก็จะรับไว้พิจารณาทุกเงื่อนไข แต่ทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่เด็กจะได้รับเป็นสำคัญ อีกทั้งการแสดงสิทธิ์ความเป็นพ่อแม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ โดยต้องยึดประโยชน์เด็กเป็นหลัก ส่วนกรณีที่ พม. ได้เปิดให้มีการรับจดแจ้งสิทธิ์ให้กับหญิงตั้งครรภ์แทน เพื่อขอรับการคุ้มครองนั้น ขณะนี้มีเพียงการแจ้งข้อมูล หรือขอคำปรึกษา ผ่านทางศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือส่งข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ยังไม่มีการแจ้งสิทธิ์ความเป็นแม่อุ้มบุญเพื่อรับการคุ้มครองแต่อย่างใด
นางสุวรรณา ปิ่นแก้ว ผอ.สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพหญิงและเด็ก พส. กล่าวว่า สำหรับกรณีทารกรายล่าสุดที่คลอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากแม่อุ้มบุญที่นายชิเกตะว่าจ้างนั้น ขณะนี้เด็กยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ เนื่องจากเป็นโรคลำไส้อุดตัน น้ำหนักตัวก็ยังน้อยเนื่องจากคลอดก่อนกำหนด ทั้งนี้ แม่ที่อุ้มบุญก็ยังมาดูแลลูกอยู่ทุกวัน ไม่ได้หนีตามที่มีกระแสข่าวอีกด้วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ (พม.) ว่าที่ร.ต.ศรัณย์ สมานพันธ์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม หารือแนวทางการดำเนินงานเพื่อการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (อุ้มบุญ) ว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญที่จะต้องได้รับการคุ้มครอง และดูแลสวัสดิภาพ โดยอาศัย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามมาตรฐานระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ... ยังไม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มหญิงที่เป็นแม่อุ้มบุญที่จะต้องให้ความดูแลตามมาตรฐานเช่นกัน
รองปลัด พม. กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาสถานะความเป็นพ่อแม่ของเด็กอุ้มบุญทั้ง 13 คน ที่อยู่ในความดูแลของ พม. นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล พยาน หลักฐาน เนื่องจากมีหลักฐานหลายส่วน จึงต้องพิจารณาประกอบอย่างรอบคอบ เพื่อหามาตรการดำเนินการที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยคาดว่าในอีก 2 - 3 สัปดาห์ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือรายละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ กรณีที่ทนายของนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ ชาวญี่ปุ่นเจ้าของน้ำเชื้อ จะขอยื่นหลักฐานแสดงสิทธิ์ความเป็นพ่อของเด็กทั้ง 13 คน ทาง พม. ยังไม่ได้รับรายงานรายละเอียดอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ได้รับทราบผ่านสื่อ ทั้งนี้ หากมีการยื่นเข้ามา ก็จะรับไว้พิจารณาทุกเงื่อนไข แต่ทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่เด็กจะได้รับเป็นสำคัญ อีกทั้งการแสดงสิทธิ์ความเป็นพ่อแม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ โดยต้องยึดประโยชน์เด็กเป็นหลัก ส่วนกรณีที่ พม. ได้เปิดให้มีการรับจดแจ้งสิทธิ์ให้กับหญิงตั้งครรภ์แทน เพื่อขอรับการคุ้มครองนั้น ขณะนี้มีเพียงการแจ้งข้อมูล หรือขอคำปรึกษา ผ่านทางศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือส่งข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ยังไม่มีการแจ้งสิทธิ์ความเป็นแม่อุ้มบุญเพื่อรับการคุ้มครองแต่อย่างใด
นางสุวรรณา ปิ่นแก้ว ผอ.สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพหญิงและเด็ก พส. กล่าวว่า สำหรับกรณีทารกรายล่าสุดที่คลอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากแม่อุ้มบุญที่นายชิเกตะว่าจ้างนั้น ขณะนี้เด็กยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ เนื่องจากเป็นโรคลำไส้อุดตัน น้ำหนักตัวก็ยังน้อยเนื่องจากคลอดก่อนกำหนด ทั้งนี้ แม่ที่อุ้มบุญก็ยังมาดูแลลูกอยู่ทุกวัน ไม่ได้หนีตามที่มีกระแสข่าวอีกด้วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น