สธ. เตือนพื้นที่ฝนตกหนัก น้ำท่วมขัง น้ำป่าไหลหลาก ระวังโรคฉี่หนู ระบุพบตายแล้ว 12 ราย มากสุดที่ภาคใต้ และอีสาน
วันนี้ (3 ต.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ในหลายพื้นที่ ยังมีฝนตกชุกหนาแน่น อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และท่วมขัง ซึ่งจะทำให้สภาพพื้นดินเป็นดินโคลนชื้น แฉะอาจมีเชื้อโรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซีส (Leptospirosis) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่สามารถอยู่ในไตหนูและออกมากับฉี่ของหนู ปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำที่ท่วมขัง โดยเฉพาะบริเวณน้ำขังที่หลุมบ่อเล็กๆ ปริมาณเชื้อโรคจะมีความเข้มข้น มีโอกาสติดต่อมาสู่คนได้สูง และเชื้อมีชีวิตอยู่ในน้ำ ดินแฉะๆ ได้นานหลายวัน จึงขอย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง โดยเชื้อโรคชนิดนี้ สามารถเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล หรือตามรอยถลอกต่างๆ ที่ขาและเท้า ของผู้ที่เดินย่ำพื้นดินที่เฉอะแฉะ หรือลุยแอ่งน้ำที่ท่วมขัง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า จากรายงานข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้ฉี่หนู ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 - 26 กันยายน 2557 มีผู้ป่วยโรคฉี่หนูทั่วประเทศ 1,485 ราย ใน 67 จังหวัด เสียชีวิต 12 ราย มีรายงานในจังหวัดอำนาจเจริญ ศรีสะเกษ นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส ยะลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พระนครศรีอยุธยา จังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยต่อแสนประชากรสูงสุดในภาคใต้ ได้แก่ ระนอง พังงา ยะลา และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ศรีสะเกษ และ กาฬสินธุ์ ซึ่งยังพบผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุดในกลุ่มเกษตรกร ถึงร้อยละ50 รองลงมาคือผู้ที่ที่มีอาชีพรับจ้าง ส่วนใหญ่อยู่ในอายุระหว่าง 45-54 ปี อายุต่ำสุดที่พบติดเชื้อคือ 2 ขวบ
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำท่วมขัง หรือเดินผ่านพื้นดินชื้นแฉะ ควรสวมรองเท้ายาง และให้รีบชำระล้างทำความสะอาดหลังเดินย่ำน้ำย่ำโคลนแล้ว ขอให้ผู้ปกครองดูแลเด็กเล็กให้ใกล้ชิด เนื่องจากเด็กยังไม่รู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและขอให้ดูแลบ้านให้สะอาด กำจัดขยะและเศษอาหารให้ถูกวิธี โดยใส่ในถุงพลาสติกหรือในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหรือเป็นแหล่งอาหารของหนู
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ขอแนะนำให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของตนเอง และคนในครอบครัว ลักษณะสัญญาณอาการป่วยของโรคฉี่หนู มีดังนี้คือ มีอาการไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะปวดตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่น่องโคนขาทั้ง 2 ข้าง บางครั้งประชาชนอาจคิดเองว่าเป็นไข้ หรือปวดเมื่อยจากการขนย้ายสิ่งของหนีน้ำ และตาแดงทั้ง 2 ข้าง หากมีอาการดังกล่าว ภายใน 2 วันอาการไม่ดีขึ้นขอให้รีบพบแพทย์ และต้องแจ้งประวัติการลุยน้ำย่ำโคลนด้วยทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว โรคนี้มียาปฎิชีวนะรักษาหายขาด ประชาชนไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เนื่องจากอาจทำให้ไปรับการรักษาล่าช้า เชื้อโรคลุกลามทำลายอวัยวะภายใน เช่น ไต ปอดรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (3 ต.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ในหลายพื้นที่ ยังมีฝนตกชุกหนาแน่น อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และท่วมขัง ซึ่งจะทำให้สภาพพื้นดินเป็นดินโคลนชื้น แฉะอาจมีเชื้อโรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซีส (Leptospirosis) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่สามารถอยู่ในไตหนูและออกมากับฉี่ของหนู ปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำที่ท่วมขัง โดยเฉพาะบริเวณน้ำขังที่หลุมบ่อเล็กๆ ปริมาณเชื้อโรคจะมีความเข้มข้น มีโอกาสติดต่อมาสู่คนได้สูง และเชื้อมีชีวิตอยู่ในน้ำ ดินแฉะๆ ได้นานหลายวัน จึงขอย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง โดยเชื้อโรคชนิดนี้ สามารถเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล หรือตามรอยถลอกต่างๆ ที่ขาและเท้า ของผู้ที่เดินย่ำพื้นดินที่เฉอะแฉะ หรือลุยแอ่งน้ำที่ท่วมขัง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า จากรายงานข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้ฉี่หนู ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 - 26 กันยายน 2557 มีผู้ป่วยโรคฉี่หนูทั่วประเทศ 1,485 ราย ใน 67 จังหวัด เสียชีวิต 12 ราย มีรายงานในจังหวัดอำนาจเจริญ ศรีสะเกษ นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส ยะลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พระนครศรีอยุธยา จังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยต่อแสนประชากรสูงสุดในภาคใต้ ได้แก่ ระนอง พังงา ยะลา และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ศรีสะเกษ และ กาฬสินธุ์ ซึ่งยังพบผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุดในกลุ่มเกษตรกร ถึงร้อยละ50 รองลงมาคือผู้ที่ที่มีอาชีพรับจ้าง ส่วนใหญ่อยู่ในอายุระหว่าง 45-54 ปี อายุต่ำสุดที่พบติดเชื้อคือ 2 ขวบ
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำท่วมขัง หรือเดินผ่านพื้นดินชื้นแฉะ ควรสวมรองเท้ายาง และให้รีบชำระล้างทำความสะอาดหลังเดินย่ำน้ำย่ำโคลนแล้ว ขอให้ผู้ปกครองดูแลเด็กเล็กให้ใกล้ชิด เนื่องจากเด็กยังไม่รู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและขอให้ดูแลบ้านให้สะอาด กำจัดขยะและเศษอาหารให้ถูกวิธี โดยใส่ในถุงพลาสติกหรือในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหรือเป็นแหล่งอาหารของหนู
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ขอแนะนำให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของตนเอง และคนในครอบครัว ลักษณะสัญญาณอาการป่วยของโรคฉี่หนู มีดังนี้คือ มีอาการไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะปวดตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่น่องโคนขาทั้ง 2 ข้าง บางครั้งประชาชนอาจคิดเองว่าเป็นไข้ หรือปวดเมื่อยจากการขนย้ายสิ่งของหนีน้ำ และตาแดงทั้ง 2 ข้าง หากมีอาการดังกล่าว ภายใน 2 วันอาการไม่ดีขึ้นขอให้รีบพบแพทย์ และต้องแจ้งประวัติการลุยน้ำย่ำโคลนด้วยทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว โรคนี้มียาปฎิชีวนะรักษาหายขาด ประชาชนไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เนื่องจากอาจทำให้ไปรับการรักษาล่าช้า เชื้อโรคลุกลามทำลายอวัยวะภายใน เช่น ไต ปอดรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่