“ครูเข้” สั่ง สอศ. ชง 3 โครงการเร่งด่วนเข้า ครม. ภายใน 1 เดือน โครงการแรกให้ขออัตรากำลังแก้ปัญหาขาดครู โครงการที่สองของบซื้ออุปกรณ์ยืมเรียนให้ นร.ปวช. ปี 1 ทั้งรัฐและเอกชนมีใช้ครบถ้วนในปี 58 และสุดท้ายผุดไอเดีย สร้าง ร.ร. ประจำ จับเด็กมากิน-นอน เรียนรู้วิชาการ คุณธรรม จริยธรรมใช้ชีวิตสไตล์แคมปัส
วันนี้ (2 ต.ค.) นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยภายหลัง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มอบนโยบายการจัดการอาชีวศึกษา ว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้นำเสนอการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และ รมว.ศึกษาธิการ ทั้งที่ดำเนินการไปแล้วและกำลังดำเนินการ อย่างไรก็ตาม จากการประชุมครั้งนี้ สอศ. ได้เตรียมจะเสนอ 3 โครงการเร่งด่วนเพื่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ดังนี้ 1. โครงการแก้ปัญหาขาดแคลนครู ปัจจุบัน สอศ. ประสบปัญหาขาดแคลนครูอย่างหนักและใช้วิธีจ้างครูสอนชั่วคราว หรือ ครูอัตราจ้าง คิดเป็น 34% ของครูที่มีอยู่ทั้งหมดซึ่งใช้เงินของวิทยาลัย และ 70% ของบุคลากรสายสนับสนุนในปัจจุบันก็เป็นลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งหากไม่จ้างบุคลากรกลุ่มนี้จะต้องลดจำนวนนักศึกษาลงไปถึง 2 แสนคน ดังนั้น รมว.ศึกษาธิการ สั่งให้ สอศ. ทำเรื่องเสนอขอกรอบอัตรากำลังใน 2 รูปแบบ โดยรูปแบบแรก ให้เสนอขออัตรากำลังพนักงานราชการ แบบเดียวกับที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดำเนินการ แต่ให้ทำคู่ขนานไปกับการขออัตราลูกจ้างชั่วคราว เนื่องจากการขออัตรากำลังพนักงานราชการจะต้องใช้เวลาดำเนินการ เพราะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน อาทิ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) และสำนักงานคณะกรรมการการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นต้น
“อัตรากำลังที่จะขอไปทั้งในส่วนของพนักงานราชการและลูกจ้างชั่วคราว มีจำนวนเท่ากัน คือ 15,973 อัตราใช้งบประมาณปีละ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขอเป็นคู่ขนานกันไปให้ที่ประชุม ครม. พิจารณา แต่ที่จริงแล้ว สอศ. อยากได้แบบพนักงานราชการมากกว่า เพราะมีความมั่นคงกว่าโดยอัตราดังกล่าวจะนำมาแยกรับเป็น พนักงานราชการสายผู้สอน 10,000 อัตรา พนักงานราชการสายสนับสนุน 4,564 อัตรา และข้าราชการครูในสถาบันการอาชีวศึกษา 1,409 อัตรา ซึ่งถ้าหาก สอศ. ได้รับการอนุมัติกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ ก็จะยกเลิกการขอกรอบอัตรากำลังลูกกจ้างชั่วคราวไป” นายชัยพฤกษ์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการ สั่งให้ทำข้อมูลแจงรายละเอียดด้วยว่าการขออัตรากำลังนั้นสำหรับสถานศึกษาประเภทใดบ้าง ระดับใดบ้าง และพื้นที่ใดบ้างเพื่อประกอบการพิจารณา เพราะหากไม่สามารถอนุมัติกรอบอัตรากำลังได้ทั้งหมด อาจจะได้เลือกให้เฉพาะกลุ่มที่มีความจำเป็นก่อน
นายชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า 2. รมว.ศึกษาธิการ มอบให้ สอศ. ทำโครงการอุปกรณ์ยืมเรียน เนื่องจากที่ผ่านวิทยาลัยไม่มีอุปกรณ์การเรียนการสอนไม่เพียงพอ ทำให้นักเรียนต้องจัดหาอุปกรณ์เอง เพราะการเรียนในแต่ละสาขาวิชาจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ประจำตัว ซึ่งเดิมนั้น สอศ. วางแผนจะเสนอของบประมาณเพื่อซื้ออุปกรณ์ให้ประจำตัว แต่ พล.ร.อ.ณรงค์ มองว่าการจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวผู้เรียนควรมีส่วนรับภาระ ซึ่งได้ชี้แจงว่าอุปกรณ์ในบางสาขามีหลากหลายและราคาสูง ดังนั้น รมว.ศึกษาธิการ จึงเสนอว่าให้ดำเนินการในรูปแบบให้ยืมเรียนตลอดหลักสูตรและให้จัดซื้อให้กับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปี 1 ก่อน รวมทั้งให้ สอศ. ไปสำรวจว่าในแต่ละสาขาวิชาต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง วงเงินเท่าไร และทำรายละเอียดมาเสนอ เบื้องต้นคาดว่าใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สอศ. มีข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว เช่น สาขาคหกรรม ต้องใช้ 1,140 บาทต่อคน สาขาเกษตรกรรม 800 บาทต่อคน ทั้งนี้ ทั้ง 2 โครงการ รมว.ศึกษาธิการ ต้องการให้ทำรายละเอียดเสนอ ครม. ภายใน 1 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหาขาดครูโดยเร็ว และต้องการให้เด็กอาชีวะมีอุปกรณ์ใช้ครบครันทันที่เปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โดยจะขยายให้ครอบคลุมทั้งอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชน
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้เสนอให้ สอศ.สร้างวิทยาลัยแบบโรงเรียนประจำ (Boarding School : บอร์ดดิงสคูล) เพื่อให้นักเรียนอาชีวะได้มีโอกาสซึมซับบรรยากาศการเรียนแบบแคมปัส ซึ่งจะช่วยพัฒนาทางด้านวิชาการ คุณธรรม จริยธรรม และให้นักเรียนมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ขณะเดียวกัน การเปิดโรงเรียนประจำในบางพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่ที่มีเด็กด้อยโอกาสจะช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสเข้าเรียนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สอศ.มีแผนจะพัฒนาวิทยาลัย 3 แห่งให้เป็นบอร์ดดิงสคูลอยู่แล้ว แต่ รมว.ศึกษาธิการ ต้องการให้ขยายให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งนี้ 3 วิทยาลัยที่ สอศ. จะพัฒนาเป็นบอร์ดดิงสคูล ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกปัตตานี จังหวัดปัตตานี วิทยาลัยการอาชีพเวียงสา จังหวัดน่าน และวิทยาลัยเทคนิคโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งจากนี้จะได้จัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ และเสนอต่อ ครม. ภายใน 1 เดือน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่