ประธาน คสรท. แนะ สปส. ปรับเกณฑ์โครงการจ้างงานเขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้สถานประกอบการ ผู้ประกันตนเท่ากัน เพิ่มดอกเงินฝาก สปส. มากกว่าร้อยละ 1 เลขาธิการ สปส. ยันวางเกณฑ์รอบคอบ ไม่ใช่ผู้ปล่อยกู้ ชี้ดอกเบี้ยผู้ประกันตนสูงกว่า เพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ หากเกิดหนี้สูญไม่กระทบกองทุน
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดโครงการสนับสนุนการจ้างงานเขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท ว่า เห็นด้วยกับการที่ สปส. ดำเนินโครงการนี้เพราะผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ แต่อยากให้พิจารณาธนาคารที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องไม่เป็นธนาคารที่มีปัญหาขาดทุน รวมทั้งควรปรับเกณฑ์ปล่อยกู้จากที่ธนาคารปล่อยกู้ให้แก่สถานประกอบการรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี และผู้ประกันตนรายละไม่เกิน 150,000 บาท คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี ซึ่งทั้งสองกลุ่มควรคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 เท่ากัน รวมทั้ง สปส. ควรได้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ร่วมโครงการอยู่ที่ร้อยละ 2 ไม่ใช่แค่ร้อยละ 1
นางอำมร เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สปส. กำหนดหลักเกณฑ์มาอย่างรอบคอบแล้วโดยโครงการนี้ทำมาแล้ว 5 ปี และผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด สปส. ซึ่งมีทั้งตัวแทนฝ่ายรัฐ นายจ้างและลูกจ้าง โดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ได้ขอให้ขยายโครงการอีก 5 ปี ดังนั้น บอร์ด สปส. จึงให้ดำเนินโครงการต่อ ซึ่งธนาคารที่เข้าร่วมโครงการต้องไม่มีปัญหาขาดทุน
เลขาธิการ สปส. กล่าวอีกว่า ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ที่คิดผู้ประกอบการไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ผู้ประกันตนร้อยละ 6 ต่อปี เพราะผู้ประกอบการมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ขณะที่ผู้ประกันตนบางรายไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ธนาคารต้องพิจารณาจากยอดเงินสะสมสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ ดังนั้น ผู้ประกันตนจึงความมั่นคงน้อยกว่าและ 5 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่เสี่ยง ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ สปส. ได้ร้อยละ 1 ไม่ถือว่าต่ำเกินไปเพราะบางธนาคารให้ต่ำกว่าร้อยละ1ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า สปส. ไม่ใช่ผู้ปล่อยกู้เพียงแต่นำเงินกองทุนประกันสังคมมาฝากไว้กับธนาคารที่ร่วมโครงการตามยอดเงินที่ธนาคารปล่อยกู้ ดังนั้น ผู้ที่แบกรับความเสี่ยง คือ ธนาคารที่ปล่อยกู้ หากเกิดกรณีหนี้สูญทางธนาคารก็ต้องรับผิดชอบเอง ส่วนเงินกองทุนประกันสังคมที่ฝากไว้นั้นยังอยู่ครบ ไม่มีการนำเงินไปหักชำระหนี้แทนสถานประกอบการหรือผู้ประกันตน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดโครงการสนับสนุนการจ้างงานเขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท ว่า เห็นด้วยกับการที่ สปส. ดำเนินโครงการนี้เพราะผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ แต่อยากให้พิจารณาธนาคารที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องไม่เป็นธนาคารที่มีปัญหาขาดทุน รวมทั้งควรปรับเกณฑ์ปล่อยกู้จากที่ธนาคารปล่อยกู้ให้แก่สถานประกอบการรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี และผู้ประกันตนรายละไม่เกิน 150,000 บาท คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี ซึ่งทั้งสองกลุ่มควรคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 เท่ากัน รวมทั้ง สปส. ควรได้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ร่วมโครงการอยู่ที่ร้อยละ 2 ไม่ใช่แค่ร้อยละ 1
นางอำมร เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สปส. กำหนดหลักเกณฑ์มาอย่างรอบคอบแล้วโดยโครงการนี้ทำมาแล้ว 5 ปี และผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด สปส. ซึ่งมีทั้งตัวแทนฝ่ายรัฐ นายจ้างและลูกจ้าง โดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ได้ขอให้ขยายโครงการอีก 5 ปี ดังนั้น บอร์ด สปส. จึงให้ดำเนินโครงการต่อ ซึ่งธนาคารที่เข้าร่วมโครงการต้องไม่มีปัญหาขาดทุน
เลขาธิการ สปส. กล่าวอีกว่า ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ที่คิดผู้ประกอบการไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ผู้ประกันตนร้อยละ 6 ต่อปี เพราะผู้ประกอบการมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ขณะที่ผู้ประกันตนบางรายไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ธนาคารต้องพิจารณาจากยอดเงินสะสมสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ ดังนั้น ผู้ประกันตนจึงความมั่นคงน้อยกว่าและ 5 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่เสี่ยง ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ สปส. ได้ร้อยละ 1 ไม่ถือว่าต่ำเกินไปเพราะบางธนาคารให้ต่ำกว่าร้อยละ1ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า สปส. ไม่ใช่ผู้ปล่อยกู้เพียงแต่นำเงินกองทุนประกันสังคมมาฝากไว้กับธนาคารที่ร่วมโครงการตามยอดเงินที่ธนาคารปล่อยกู้ ดังนั้น ผู้ที่แบกรับความเสี่ยง คือ ธนาคารที่ปล่อยกู้ หากเกิดกรณีหนี้สูญทางธนาคารก็ต้องรับผิดชอบเอง ส่วนเงินกองทุนประกันสังคมที่ฝากไว้นั้นยังอยู่ครบ ไม่มีการนำเงินไปหักชำระหนี้แทนสถานประกอบการหรือผู้ประกันตน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่