อาชีวะทุ่ม 82.5 ล้าน สนองนโนบาย เสมา 1 จัดกิจกรรมกระตุ้นและเผยแพร่ค่านิยม “อาชีวะสร้างชาติ” หวังดึงคนเรียนสายอาชีพ ดันเป็นงานเร่งด่วนเห็นผลใน 3 เดือน
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้เตรียมงบประมาณ จำนวน 82.5 ล้านบาท เพื่อทำโครงการต่างๆ เพื่อเผยแพร่ค่านิยม “อาชีวะสร้างชาติ” ตามนโยบายที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศ และให้นำเรื่องการปรับภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษามาเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลภายใน 3 เดือน เพราะฉะนั้น ภายใน 3 เดือนนี้ สอศ. จะทุ่มรณรงค์ให้สังคมเข้าใจความหมายของค่านิยมอาชีวะสร้างชาติ เพื่อให้เห็นว่าการเรียนในสายอาชีพจะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ โดยการผลิตแรงงานที่มีคุณภาพให้กับภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มความศักยภาพในการแข่งขันของประเทศได้
ทั้งนี้ โครงการหลักสำหรับเผยแพร่การสร้างค่านิยมดังกล่าว มี 3 โครงการ คือ 1. โครงการเสริมสร้างค่านิยมอาชีวศึกษา ซึ่งทาง สอศ. ได้เสนองบประมาณจำนวน 15 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการ โดยจะเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเรียนอาชีวะแล้วสามารถทำงานเป็น มีงานทำ และมีความก้าวหน้าในอาชีพแน่นอน 2. โครงการเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม ที่ สอศ. ได้รับงบประมาณดำเนินการจำนวน 42.5 ล้านบาท เพื่อลดปัญหาการทะเลาะวิวาท ซึ่งจะสอดแทรกการปลูกฝังค่านิยมอาชีวะสร้างชาติเข้าไปด้วย และ 3. โครงการอาชีวะอาสา ตั้งงบประมาณจำนวน 25 ล้านบาท เป็นโครงการสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษาอาชีวะ ไปทำโครงการจิตอาสา ออกค่ายอาสาทำประโยชน์ให้แก่สังคม โดยให้แต่ละวิทยาลัยเสนอโครงการเข้ามาขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก สอศ. ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสังคมให้แก่นักเรียนอาชีวะ
ทั้งนี้ การเปลี่ยนค่านิยมต่อการเรียนสายอาชีพให้กับสังคม เด็ก และผู้ปกครอง จะส่งผลให้มีผู้สนใจเรียนจากอาชีพมากขึ้น ซึ่งในปี 2558 นี้ ทาง สอศ. มีเป้าหมายที่จะเพิ่มผู้เรียนทั้งระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ให้ได้ เพราะปี 2557 ที่ผ่านมา นักศึกษา ปวช. มีจำนวนลดลงไปถึง 1,871 คน แต่นักศึกษา ปวส. มีเพิ่มมากขึ้นถึง 10,333 คน
“เชื่อว่า การแก้ปัญหาอาชีวะนั้นต้องเริ่มจากตัวผู้ปกครองและเด็กที่ต้องเปลี่ยนค่านิยมเสียใหม่ ส่วน สอศ.เองก็จะต้อง ทำให้เห็นว่าเรียนอาชีวศึกษาแล้ว จบมามีงานทำแน่นอน ซึ่งนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัย ต้องให้เด็กได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสร้างคุณภาพให้กับนักศึกษาอาชีวะ” นายชัยพฤกษ์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วน ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้เห็นผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ ต่อไป
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้เตรียมงบประมาณ จำนวน 82.5 ล้านบาท เพื่อทำโครงการต่างๆ เพื่อเผยแพร่ค่านิยม “อาชีวะสร้างชาติ” ตามนโยบายที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศ และให้นำเรื่องการปรับภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษามาเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลภายใน 3 เดือน เพราะฉะนั้น ภายใน 3 เดือนนี้ สอศ. จะทุ่มรณรงค์ให้สังคมเข้าใจความหมายของค่านิยมอาชีวะสร้างชาติ เพื่อให้เห็นว่าการเรียนในสายอาชีพจะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ โดยการผลิตแรงงานที่มีคุณภาพให้กับภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มความศักยภาพในการแข่งขันของประเทศได้
ทั้งนี้ โครงการหลักสำหรับเผยแพร่การสร้างค่านิยมดังกล่าว มี 3 โครงการ คือ 1. โครงการเสริมสร้างค่านิยมอาชีวศึกษา ซึ่งทาง สอศ. ได้เสนองบประมาณจำนวน 15 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการ โดยจะเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเรียนอาชีวะแล้วสามารถทำงานเป็น มีงานทำ และมีความก้าวหน้าในอาชีพแน่นอน 2. โครงการเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม ที่ สอศ. ได้รับงบประมาณดำเนินการจำนวน 42.5 ล้านบาท เพื่อลดปัญหาการทะเลาะวิวาท ซึ่งจะสอดแทรกการปลูกฝังค่านิยมอาชีวะสร้างชาติเข้าไปด้วย และ 3. โครงการอาชีวะอาสา ตั้งงบประมาณจำนวน 25 ล้านบาท เป็นโครงการสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษาอาชีวะ ไปทำโครงการจิตอาสา ออกค่ายอาสาทำประโยชน์ให้แก่สังคม โดยให้แต่ละวิทยาลัยเสนอโครงการเข้ามาขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก สอศ. ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสังคมให้แก่นักเรียนอาชีวะ
ทั้งนี้ การเปลี่ยนค่านิยมต่อการเรียนสายอาชีพให้กับสังคม เด็ก และผู้ปกครอง จะส่งผลให้มีผู้สนใจเรียนจากอาชีพมากขึ้น ซึ่งในปี 2558 นี้ ทาง สอศ. มีเป้าหมายที่จะเพิ่มผู้เรียนทั้งระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ให้ได้ เพราะปี 2557 ที่ผ่านมา นักศึกษา ปวช. มีจำนวนลดลงไปถึง 1,871 คน แต่นักศึกษา ปวส. มีเพิ่มมากขึ้นถึง 10,333 คน
“เชื่อว่า การแก้ปัญหาอาชีวะนั้นต้องเริ่มจากตัวผู้ปกครองและเด็กที่ต้องเปลี่ยนค่านิยมเสียใหม่ ส่วน สอศ.เองก็จะต้อง ทำให้เห็นว่าเรียนอาชีวศึกษาแล้ว จบมามีงานทำแน่นอน ซึ่งนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัย ต้องให้เด็กได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสร้างคุณภาพให้กับนักศึกษาอาชีวะ” นายชัยพฤกษ์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วน ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้เห็นผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ ต่อไป
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่