ปิดงานมหกรรมสมุนไพรฯ ครั้งที่ 11 เงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท คนยังแห่ซื้อหญ้าฮี๋ยุ่มจนวันสุดท้าย ด้านอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยห่วงนำไปกระชับช่องคลอดผิดวิธี แจงยิบวิธีรมแห้ง - รมเปียก “จิ๊มิ” อย่างปลอดภัย จึงจะได้ผล ย้ำต้องมีคนคอยดูแล และทำในที่อากาศถ่ายเท ระบุหากต้มอาบ อบ ดื่ม ช่วยผิวพรรณเปล่งปลั่งบำรุงข้อเส้นเอ็น
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเวทีเสวนาสร้างความรู้เรื่องสมุนไพรหญ้าฮี๋ยุ่ม ว่า งานมหกรรมสมุนไพรปีนี้ มียอดประชาชนมาร่วมงานคึกคักทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุด เฉลี่ยมีผู้ร่วมงานวันละประมาณ 50,000 กว่าคน รวมแล้วประมาณ 300,000 คน มีกระแสเงินหมุนเวียนตลอดการจัดงาน 5 วันกว่า 300 ล้านบาท โดยเฉพาะ “หญ้าฮี๋ยุ่ม” หรือ “หญ้ารีแพร์” ซึ่งปีนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในการนำมาใช้กระชับช่องคลอด ซึ่งเท่าที่ทราบพบว่ามีผู้นำไปใช้ทั้งการต้มดื่ม การรมควัน และการรมไอน้ำ กรมฯ จึงเกรงว่าจะมีการนำไปใช้ไม่ถูกวิธี เพราะที่ผ่านมาเคยมีกรณีอบสมุนไพรผิดวิธีจนเสียชีวิตมาแล้ว จึงร่วมกับ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดเวทีถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชน กลางงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 11 โดยสาธิตวิธีการนำหญ้าฮี๋ยุ่มไปใช้กรณีต่างๆ
นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า หากต้องการกระชับผิวช่องคลอด สามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1. การรมแห้ง เป็นการใช้ไอร้อนของควันร้อนของหญ้า สามารถทำได้โดยนำหญ้ารีแพร์ไปตากให้พอแห้ง แล้วนำมาสุมไฟร่วมกับแกลบหรือไม้ผุๆ ให้มีความร้อนไม่มาก และ 2. การรมเปียก เป็นการใช้ไอน้ำร้อนของการต้มหญ้า ซึ่งสามารถใช้หม้อหุงข้าวมาทำได้ ซึ่งจะให้ความร้อนที่สม่ำเสมอ ไม่ต้องมีการจุดไฟ โดยทั้ง 2 วิธีต้องนั่งบนเก้าอี้ที่เจาะรูให้ไอร้อนผ่านได้ นั่งนานประมาณ 30 - 45 นาที วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น เป็นเวลา 7 - 10 วัน ทำได้ทั้งสตรีหลังคลอดบุตรได้ 1 - 2 วัน และมีร่างกายไม่อ่อนเพลีย และสตรีทั่วไปที่มีความประสงค์จะรมกระชับผิว
“ข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรใช้เตาถ่าน เพราะไฟจะแรงเกินไป ที่สำคัญคือต้องมีคนคอยดูแลระหว่างการรม ทั้งรมแห้ง และรมเปียก เพราะอาจเกิดไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้ ยิ่งหญิงหลังคลอดมีอาการอ่อนเพลียยิ่งต้องได้รับการดูแล รวมถึงต้องทำในที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ทำในห้องที่ปิดมิดชิด เพราะอาจทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน จนหมดสติและเสียชีวิตอย่างที่เคยเป็นข่าวมาได้ นอกจากการกระชับช่องคลอดแล้ว หากนำหญ้าฮี๋ยุ่มมาต้มอาบ อบตัว และดื่ม จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง บำรุงข้อเส้นเอ็น และแก้ปวดได้ด้วย” อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว
ด้าน ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรเชี่ยวชาญ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า การเปิดตัวหญ้าฮี๋ยุ่มในปีนี้ถือว่าเป็นการเปิดศักดิ์ศรีผู้หญิงไทย ที่สมัยก่อนไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก ในเรื่องการดูแลสุขภาวะทางเพศของตน ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งต่างจากเพศชายโดยสิ้นเชิง จึงถือว่าเป็นมิติใหม่ของสตรีไทยที่จะหันมาดูแลสุขภาพให้เหมาะสมตามวัยด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้าน ซึ่งมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่เหมาะกับแม่หญิงไทย เช่น คนทีเขมา ข้าวหลามดง แม่ฮ้าง 32 ผัว เพียงแต่ปีนี้หญ้ายุ๋มอาจมีชื่อพ้องเสียงที่ดูตลก ง่ายต่อการจดจำ จึงเป็นนางเอกของงานปีนี้ โดยหญ้านี้มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ สมานแผล ช่วยมดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับช่องคลอด ขอชื่นชมสตรีที่ใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองเพราะถ้าผู้หญิงสุขภาพดี โลกนี้อยู่ได้ อย่างมีคุณภาพแน่นอน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเวทีเสวนาสร้างความรู้เรื่องสมุนไพรหญ้าฮี๋ยุ่ม ว่า งานมหกรรมสมุนไพรปีนี้ มียอดประชาชนมาร่วมงานคึกคักทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุด เฉลี่ยมีผู้ร่วมงานวันละประมาณ 50,000 กว่าคน รวมแล้วประมาณ 300,000 คน มีกระแสเงินหมุนเวียนตลอดการจัดงาน 5 วันกว่า 300 ล้านบาท โดยเฉพาะ “หญ้าฮี๋ยุ่ม” หรือ “หญ้ารีแพร์” ซึ่งปีนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในการนำมาใช้กระชับช่องคลอด ซึ่งเท่าที่ทราบพบว่ามีผู้นำไปใช้ทั้งการต้มดื่ม การรมควัน และการรมไอน้ำ กรมฯ จึงเกรงว่าจะมีการนำไปใช้ไม่ถูกวิธี เพราะที่ผ่านมาเคยมีกรณีอบสมุนไพรผิดวิธีจนเสียชีวิตมาแล้ว จึงร่วมกับ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดเวทีถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชน กลางงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 11 โดยสาธิตวิธีการนำหญ้าฮี๋ยุ่มไปใช้กรณีต่างๆ
นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า หากต้องการกระชับผิวช่องคลอด สามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1. การรมแห้ง เป็นการใช้ไอร้อนของควันร้อนของหญ้า สามารถทำได้โดยนำหญ้ารีแพร์ไปตากให้พอแห้ง แล้วนำมาสุมไฟร่วมกับแกลบหรือไม้ผุๆ ให้มีความร้อนไม่มาก และ 2. การรมเปียก เป็นการใช้ไอน้ำร้อนของการต้มหญ้า ซึ่งสามารถใช้หม้อหุงข้าวมาทำได้ ซึ่งจะให้ความร้อนที่สม่ำเสมอ ไม่ต้องมีการจุดไฟ โดยทั้ง 2 วิธีต้องนั่งบนเก้าอี้ที่เจาะรูให้ไอร้อนผ่านได้ นั่งนานประมาณ 30 - 45 นาที วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น เป็นเวลา 7 - 10 วัน ทำได้ทั้งสตรีหลังคลอดบุตรได้ 1 - 2 วัน และมีร่างกายไม่อ่อนเพลีย และสตรีทั่วไปที่มีความประสงค์จะรมกระชับผิว
“ข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรใช้เตาถ่าน เพราะไฟจะแรงเกินไป ที่สำคัญคือต้องมีคนคอยดูแลระหว่างการรม ทั้งรมแห้ง และรมเปียก เพราะอาจเกิดไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้ ยิ่งหญิงหลังคลอดมีอาการอ่อนเพลียยิ่งต้องได้รับการดูแล รวมถึงต้องทำในที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ทำในห้องที่ปิดมิดชิด เพราะอาจทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน จนหมดสติและเสียชีวิตอย่างที่เคยเป็นข่าวมาได้ นอกจากการกระชับช่องคลอดแล้ว หากนำหญ้าฮี๋ยุ่มมาต้มอาบ อบตัว และดื่ม จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง บำรุงข้อเส้นเอ็น และแก้ปวดได้ด้วย” อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว
ด้าน ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรเชี่ยวชาญ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า การเปิดตัวหญ้าฮี๋ยุ่มในปีนี้ถือว่าเป็นการเปิดศักดิ์ศรีผู้หญิงไทย ที่สมัยก่อนไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก ในเรื่องการดูแลสุขภาวะทางเพศของตน ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งต่างจากเพศชายโดยสิ้นเชิง จึงถือว่าเป็นมิติใหม่ของสตรีไทยที่จะหันมาดูแลสุขภาพให้เหมาะสมตามวัยด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้าน ซึ่งมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่เหมาะกับแม่หญิงไทย เช่น คนทีเขมา ข้าวหลามดง แม่ฮ้าง 32 ผัว เพียงแต่ปีนี้หญ้ายุ๋มอาจมีชื่อพ้องเสียงที่ดูตลก ง่ายต่อการจดจำ จึงเป็นนางเอกของงานปีนี้ โดยหญ้านี้มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ สมานแผล ช่วยมดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับช่องคลอด ขอชื่นชมสตรีที่ใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองเพราะถ้าผู้หญิงสุขภาพดี โลกนี้อยู่ได้ อย่างมีคุณภาพแน่นอน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
