กกอ. เผย ม.นอกระบบ อยู่ในสภาพคล่อง เตรียมปรับตำแหน่งจากพนักงานมหา’ลัยเป็นข้าราชการ ชี้ต้องศึกษาผลกระทบก่อน ย้ำไม่นิ่งเฉยแก้ปัญหาจ่ายครบจบแน่ - ผลิตบัณฑิตตามความต้องการตลาด
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ขณะนี้ ม.นอกระบบ อาทิ จุฬาฯ ม.เชียงใหม่ ม.มหิดล มีความคล่องตัวดี ส่วนที่กำลังจะตามมา และคิดว่าไม่มีปัญหา ได้แก่ ม.ขอนแก่น ม.เกษตรศาสตร์ และ ม.ธรรมศาสตร์ ส่วน ม.ราชภัฏ ที่พร้อมออกนอกระบบ ได้แก่ มรภ.สวนดุสิต อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ยังมีมหาวิทยาลัยรัฐและราชภัฏบางแห่งที่คณาจารย์ไม่พร้อมออกนอกระบบ ขณะที่จำนวนข้าราชการสถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดจะเหลือแต่พนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเท่ากับเป็นการผลักดันให้เป็น ม.นอกระบบในที่สุด รวมทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำของจำนวนงบประมาณที่แต่ละแห่งได้รับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า สกอ. เห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนระบบการบริหารงาน โดยต้องหารือกับมหาวิทยาลัยทุกกลุ่มเพื่อหาทางออก เบื้องต้นอาจต้องให้มหาวิทยาลัยหรือราชภัฏมีทางเลือกอื่นด้วยหากยังต้องการเป็นส่วนราชการ เช่น กำหนดให้มีอัตราข้าราชการ โดยแก้ไขมติ ครม. ที่จำกัดอัตรากำลังภาครัฐ โดยให้มีช่วงเปลี่ยนผ่านจากการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมาเป็นข้าราชการ แต่สิทธิประโยชน์ของพนักงานมหาวิทยาลัยอาจจะต้องลดลง เช่น เงินเดือนที่เคยมากกว่าข้าราชการ 1.7 เท่า ก็ต้องกลับมาเท่ากับข้าราชการ ความเป็นอิสระลดน้อยลง เป็นต้น แต่ข้อดีของการมีพนักงานมหาวิทยาลัย คือ ผลงานและประสิทธิภาพของพนักงานมหาวิทยาลัย พบว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าข้าราชการ เพราะมีสัญญาผูกมัดที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของมหาวิทยาลัยด้วย และต้องศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนเป็นข้าราชการ ขณะเดียวกัน ต้องศึกษาผลกระทบของการที่มหาวิทยาลัยซึ่งยังเป็นส่วนราชการ โดยไม่มีข้าราชการ มีแต่พนักงานมหาวิทยาลัย จะเดินต่อไปได้อย่างไร สำหรับเรื่องคุณภาพของมหาวิทยาลัยนั้น สกอ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหากลไกที่จะกำกับคุณภาพมหาวิทยาลัย เพื่อลบปัญหาจ่ายครบจบแน่ และการผลิตบัณฑิตตามความต้องการของตลาด
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ขณะนี้ ม.นอกระบบ อาทิ จุฬาฯ ม.เชียงใหม่ ม.มหิดล มีความคล่องตัวดี ส่วนที่กำลังจะตามมา และคิดว่าไม่มีปัญหา ได้แก่ ม.ขอนแก่น ม.เกษตรศาสตร์ และ ม.ธรรมศาสตร์ ส่วน ม.ราชภัฏ ที่พร้อมออกนอกระบบ ได้แก่ มรภ.สวนดุสิต อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ยังมีมหาวิทยาลัยรัฐและราชภัฏบางแห่งที่คณาจารย์ไม่พร้อมออกนอกระบบ ขณะที่จำนวนข้าราชการสถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดจะเหลือแต่พนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเท่ากับเป็นการผลักดันให้เป็น ม.นอกระบบในที่สุด รวมทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำของจำนวนงบประมาณที่แต่ละแห่งได้รับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า สกอ. เห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนระบบการบริหารงาน โดยต้องหารือกับมหาวิทยาลัยทุกกลุ่มเพื่อหาทางออก เบื้องต้นอาจต้องให้มหาวิทยาลัยหรือราชภัฏมีทางเลือกอื่นด้วยหากยังต้องการเป็นส่วนราชการ เช่น กำหนดให้มีอัตราข้าราชการ โดยแก้ไขมติ ครม. ที่จำกัดอัตรากำลังภาครัฐ โดยให้มีช่วงเปลี่ยนผ่านจากการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมาเป็นข้าราชการ แต่สิทธิประโยชน์ของพนักงานมหาวิทยาลัยอาจจะต้องลดลง เช่น เงินเดือนที่เคยมากกว่าข้าราชการ 1.7 เท่า ก็ต้องกลับมาเท่ากับข้าราชการ ความเป็นอิสระลดน้อยลง เป็นต้น แต่ข้อดีของการมีพนักงานมหาวิทยาลัย คือ ผลงานและประสิทธิภาพของพนักงานมหาวิทยาลัย พบว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าข้าราชการ เพราะมีสัญญาผูกมัดที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของมหาวิทยาลัยด้วย และต้องศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนเป็นข้าราชการ ขณะเดียวกัน ต้องศึกษาผลกระทบของการที่มหาวิทยาลัยซึ่งยังเป็นส่วนราชการ โดยไม่มีข้าราชการ มีแต่พนักงานมหาวิทยาลัย จะเดินต่อไปได้อย่างไร สำหรับเรื่องคุณภาพของมหาวิทยาลัยนั้น สกอ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหากลไกที่จะกำกับคุณภาพมหาวิทยาลัย เพื่อลบปัญหาจ่ายครบจบแน่ และการผลิตบัณฑิตตามความต้องการของตลาด
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
