แพทยสภาชี้ฉีดเชื้ออสุจิเข้ามดลูกถือเป็นผสมเทียม ไม่ใช่เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ ไม่สมควรทำ ด้านการสอบสวนแพทย์อุ้มบุญผิดมาตรฐาน คาดสอบปากคำเสร็จ ก.ย. จึงส่งอนุฯสอบสวน
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตการอุ้มบุญเด็ก 21 ราย ที่พบในคอนโดย่านลาดพร้าว อาจเป็นการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปผสมกับไข่ของหญิงรับจ้างตั้งครรภ์โดยตรง ว่า ตามประกาศแพทยสภา ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากจะประสบปัญหาความวุ่นวายตามมา โดยเฉพาะสิทธิในตัวเด็กหลังการคลอด ทั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงข้อสังเกต แต่หากตรวจสอบพบว่าเป็นความจริงก็จะถือว่าผิดซ้ำซ้อน เพราะการฉีดเชื้ออสุจิของผู้ชายเข้าสู่มดลูกหญิงอื่น ถือเป็นการผสมเทียม ไม่ใช่การใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ด้าน พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร ประธานคณะอนุกรรมการจริยธรรมเฉพาะกิจ แพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อกำหนดกรอบแนวทางการทำงาน คาดว่า ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ในการรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำแพทย์ตามรายชื่อที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ตรวจพบว่าดำเนินการผิดมาตรฐานที่แพทยสภากำหนด ซึ่งขณะนี้ทั้งกรณีน้องแกรมมี่ และ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของคลินิกออล ไอวีเอฟ ได้ถูกส่งเรื่องเข้ามายังคณะอนุกรรมการเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะทำการเรียกแพทย์ตามรายชื่อมาสอบปากคำให้เร็วที่สุด คาดว่า การประชุมคณะกรรมแพทยสภา ใน ก.ย. จะสามารถส่งเรื่องต่อไปยังคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ พิจารณาลงโทษต่อไป
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
